New World, New Media
WRITER’s NOTE: ตอนที่คิดจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเขียน ผมก็มีความกังวลใจเกี่ยวกับขอบเขตการเขียนมากๆ เพราะว่า New Media นี่ จะอธิบายให้สั้นก็แสนจะสั้นสามารถให้จบได้เพียงบรรทัดเดียว จะอธิบายให้ยาวก็แสนจะยืดเยื้อและกว้างมากๆ เพราะว่ามีเคสล้านแปดที่ยกเข้ามาแทรกประกอบได้ตลอดเวลา ผมเลยตัดสินใจที่จะยกตัวอย่างเพียงพองาม และมุ่งเน้นไปสู่แก่นที่มาของคำคำนี้เพียงอย่างเดียว ถ้ามีข้อบกพร่องประการใดจะเป็นการขอบคุณถ้ามีการตักเตือน(อย่างสุภาพ :D)
New Media เป็นคำศัพท์ที่ไม่ใหม่สำหรับดินแดนที่อยู่นอกขอบเขตขันธสีมาของสยามประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยของเราแล้วเรียกได้ว่าเป็นคำที่ยังไม่ได้แพร่หลาย (และคุ้นเคย) อย่างถ้วนถี่ ถึงแม้ว่าคำศัพท์นี้จะเข้ามาในเมืองไทยแล้วร่วม 10 ปี คำอธิบายโดยง่ายของ “New Media” ก็คือ “สื่อใหม่” นั่นเองครับ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งเข้าใจยากมากกว่าการแปลคำศัพท์ทั้งสองคำแต่อย่างไร
“New Media คืออะไร?” ลองนึกตามง่ายๆแบบนี้ครับ ตั้งแต่อดีตที่มนษย์ยุคเก่าเริ่มรู้จักที่จะแลกเปลี่ยนผลผลิตระหว่างกัน (Barter System) เลยมาเรื่อยๆจนถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และผ่านมาจนถึงในอดีตเมื่อสักสิบกว่าปีที่ผ่านมา คนเราคุ้นเคยแต่การซื้อของที่ผ่านช่องทางแบบ Physical ก็คือสินค้าต้องจับต้องได้ เห็นได้ ในอดีตเราต้องไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อที่จะซื้อสินค้าสักชิ้นหนึ่ง สื่อต่างๆที่ใช้ก็จะเป็นสื่อที่ถูกถ่ายทอดผ่านช่องทางแบบเก่า ไม่ว่าจะเป็น ป้ายโฆษณา ใบปลิว หรือผมจะขอสรุปว่ามันต้องเป็นการมองเห็นสินค้า ได้รู้จักและอาจจะเคยมีประสบการณ์การทดลองใช้ ในโลกจริง ทีนี้ เมื่อยุคสมัยและเทคโนโลยีได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน ช่องทางการขาย และสื่อสารจึงได้มีการวิวัฒนาการไปสู่จุดที่ผู้บริโภค ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่จริงๆเพื่อจะได้สินค้ามา นี่เป็นจุดแรกๆของการคิดเรื่อง New Media
การกำเนิดของคำคำนี้นี่เริ่มมาจากช่วงบูมของการเติบโตของคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนท และ Broadband ในช่วงเวลาไม่เกิน 20 ปีที่ผ่านมา
Gordon Moore หนึ่งในผู้ก่อตั้งของบริษัทชิปคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ Intel ได้เคยทำนายเอาไว้เมื่อปี คศ. 1965 ว่า ทุกๆ 18 เดือน ชิปคอมพิวเตอร์จะเพิ่มความสามารถเป็นเท่าตัว (เพื่อนๆอาจจะรู้จักกฏข้อนี้ในนามของ Moore’s Law ซึ่งในภายหลังเมื่อปี 1975 Moore ขอเปลี่ยนตัวเลขจาก 18 เดือนเป็น 2 ปี) ไม่เพียงแต่ชิปคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (มากๆ) ลองดูกล้องดิจิตอล เครื่องเล่น MP3 โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ที่เปลี่ยนเร็วจนเราตามไม่ทันเรียกได้ว่าไม่นานหลังจากซื้ออุปกรณ์อิเลคโทรนิคพวกนี้มาเราก็ล้าสมัยเกือบจะทันที (ผมซื้อ iPod Video 80 GB มาเมื่อปี 2006 ผ่านมาไม่ถึงปีครึ่ง iPod Classic 160 GB ก็ออกวางขายในตลาด ด้วยราคาที่ถูกกว่า!!! แย่ฉิบ!!!)
นักการตลาดเล็งเห็นโอกาสที่จะใช้ช่องทางนี้เพื่อพูดคุยกับผู้บริโภคมากขึ้น New Media จึงเป็นการใช้ช่องทางในโลก Digital ลำเลียงข่าวสาร (Digital Content) ให้ผู้บริโภคอย่างไม่มีเวลาหยุดพัก 24/7 โดยที่ New Media สามารถที่จะเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการได้มากกว่าการทำสื่อแบบเก่าในอัตราที่เทียบกันไม่ได้
สื่อ New Media ง่ายๆที่เราพบเห็นกันทั่วไปก็คือ
- Web sites (เห็นมั้ยครับว่ามันใกล้ตัวมาก)
- Streaming audio and video (YouTube.com, Imeem)
- Chat Rooms / Web Board
- Online communities (Hi5, facebook, multiply)
- Web advertising
- DVD and CD-ROM media (อันนี้ค่อนข้างเชยแล้ว แต่ยกมาเพื่อให้เห็นภาพ เพราะนี่แหละต้นแบบแรกๆของ Digital Content นิตยสาร Positioning เคยแถมซีดีเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลเสริมสำหรับผู้อ่าน ผมยังเก็บเอาไว้ทุกแผ่น!)
- Virtual reality environments (เช่น Secondlife.com Website VR communiy ชื่อดังของ Lindenlab และในช่วงปลายปีนี้ Shade Studio ที่ทำหนัง FFVII จะเปิด Virtual Reality Environment ชื่อ BlueMars ซึ่งน่าจะเป็น Talk of the town (ที่เมืองนอก)กันเลยทีเดียว)
- Mobile computing / Internet telephony / SMS
นี่แหละครับ New Media ทีนี้ๆ เมื่อเกิด New Media ขึ้นมาแล้ว Digital Content ก็ตามมาอย่างมากมายแบบไร้ระเบียบ ก็เลยปรากฎว่ามีการใช้งาน New Media และ Digital Content ที่ไม่ค่อยถูกวิธีขึ้นมากันอีก เช่นการขายข้อมูล e-mail ของลูกค้าไปให้หน่วยงานอื่นๆ แล้วก็เกิดการส่งเมล์ขยะกันขึ้นมา ช่องทาง New Media จึงเริ่มประสบปัญหาขึ้นมา
เคยมั้ยครับมี E-mail อะไรก็ไม่รู้ส่งมาให้เราทั้งๆที่เราไม่เคยไปยุ่งอะไรกับมัน จนในที่สุดเราก็ต้อง block มันไปด้วยความรำคาญ เพราะเหตุที่เกิด spam ขึ้นมาเยอะๆนี่แหละครับ
Seth Godin เจ้าพ่อผู้บุกเบิกการตลาดทางอินเตอร์เน็ทได้ทำให้ศัพท์คำหนึ่งเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างนั่นก็คือ “Permission Marketing” ซึ่งไอ้เจ้า Permission Marketing นี่มันก็คือการที่เราขออนุญาติผู้รับสารก่อนที่เราจะส่งข้อมูล ข่าวสารไปให้ ซึ่งด้วยวิธีการนี้เราจะสามารถที่จะเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าของเราได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น
Amazon.com ยักษ์ใหญ่แห่งร้านค้าออนไลน์ได้ขออณุญาติที่จะเก็บข้อมูลการซื้อหนังสือของลูกค้า และ ส่งข้อมูลของหนังสือที่ลูกค้าน่าจะสนใจให้กับลูกค้าผ่านทาง E-mail ผลก็คือลูกค้าตอบรับกลับมาด้วยการสั่งซื้อหนังสือเพิ่ม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ถ้าคุณสั่งซื้อหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคโรมันสัก 3 เล่ม จากการสั่งซื้อหนังสือทั้งหมด 5 เล่ม ทาง Amazon ก็จะทำการเก็บข้อมูลไว้ และนักการตลาดของ Amazon ก็จะคิดซะว่า คุณน่าจะมีความสนใจในเรื่องของ ประวัติศาสตร์ยุคโรมัน Amazon ก็จะจัดทำลิตส์ของหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคโรมันส่งมาให้คุณเพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับคุณ
ในอดีตการใช้สื่อแบบเก่า (Old Media) เป็นการสื่อสารที่คิดว่าให้คนเห็นสินค้า ให้เห็นผลิตภัณฑ์เยอะๆเป็นการดี ติดป้าย Billboard เข้าไป อัดสื่อใหญ่ๆ ใช้เงินเยอะๆ น่าจะทำให้คนรู้จักสินค้าของเรา และคนที่กลับมาบริโภคสินค้าของเราน่าจะเยอะตามไปด้วย แต่สื่อใหม่ New Media คิดอีกมุมมองหนึ่งก็คือ ถ้าคนรู้จักสินค้าของเราเยอะๆก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเรารู้จักผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าของเราจริงๆ หรือเป็นลูกค้าที่มีความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์และสินค้าของเรา นี่ซิดีกว่า ส่งข่าวสารให้คนเพียง 100 คนที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าของเรา แล้วมีคนกลับมา 50 คนย่อมดีกว่าสื่อข่าวสารให้คนทั่วๆไป 1000 คน แล้วกลับมาแค่ 50 คน
นี่แหละครับคร่าวๆพอรู้เกี่ยวกับ New Media สื่อใหม่ในโลกยุค Digital
เกี่ยวกับผู้เขียน
Charlie Pongsangangan
ประวัติการศึกษา : จบการศึกษาจากโรงเรียนราษฎร์แห่งแรกของประเทศไทย “กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย” รุ่น 146 ภาควิชา ศิลป์-คำณวน และเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยหลวง (แห่งแรก) ของประเทศไทย “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี รุ่นที่ 60 ภาควิชาการจัดการธุรกิจด้วยระบบสารสนเทศ (Management Information System (MIS)) รุ่นที่ 4 มีโครงการเข้าเรียนระดับปริญญาโทที่คณะเดียวกัน
ประวัติการทำงาน : เคยอยู่บริษัทให้คำปรึกษาและตรวจสอบบัญชีระดับ BIG4 “KPMG” ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านธุรกิจและไอที จากนั้นได้ผันตัวเองมาทำงานด้านการตลาดที่แสนเริงร่าให้กับบริษัท กินดื่มทูซิท จำกัด บริษัท โทนี่แอนดรูว์แอนด์โค จำกัด มีกิจการทำปาร์ตี้ออกาไนเซอร์เล็กๆกับเพื่อนๆชื่อว่า Bangkokian Party Organizer รับจัดแต่ปาร์ตี้ เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดทำแบรนด์ให้กับบริษัทอื่นๆอีกหลายที่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง New Media Manager ที่บริษัท Apricotion จำกัด ดูแลเรื่องการทำตลาดและ Branding ให้กับองค์กร และให้คำปรึกษาด้าน E-Solution ให้กับลูกค้า
สัตว์เลี้ยง : มีสุนัขพันธุ์ ไซบีเรี่ยน ฮัสกี้ 3 ตัว โกลเด้น รีทรีฟเวอร์อีก 1 ตัว เม่นแคระ 4 ตัว นกกระตั้วหงอนเหลือง 1 ตัว
Contact : Email มาพูดคุยเรื่องการตลาดกันได้ที่ charlie.p@apricotion.com หรือ IM ที่ cavekerano@hotmail.com