Archive for November, 2007

Bad Habits

 
ทั้งๆที่เราก็เข้าใจว่าเรางี่เง่า
แต่เรายังแก้ไขทั้งหมดไม่ได้
ไม่ใช่ไม่พยายามนะ
แต่มันอาจจะไม่พอ
มันอาจจะน้อยไป
แต่ผมก็พยายามแล้วนะ

 
อืม…
 
สงสัยจะเป็นเพราะลมหนาว และความเหงา (ความเหงามันเหี้ย)
อาจจะบวกกับความว้าวุ่นหวั่นไหวอะไรบ้าบอๆอีกหลายอย่าง
เลยทำให้ผมต้องมานั่งจารไนข้อเสียของตัวเองออกมา
 
อาจจะอย่างน้อย
 
เพื่อการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น
และเผื่อโชคดี ผู้หญิงผมยาว ตาโตๆ สวยๆ สักคน
จะเข้ามาอ่านและรู้สึกว่ารับผู้ชายแบบนี้ได้
 
…อืม ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้นะครับ
 
เอาล่ะๆ เลิกเพ้อเจ้อ เลิกฟุ้งซ่าน
กลับมาสู่เนื้อความต่อ
 
ก่อนจะเริ่ม… เอาอีกละ ออกทะเลอีกละ
แต่ก็ขออีกนิดนึงนะครับ บล็อกกูนี่ กูจะเขียนเหี้ยไรก็ได้
 
ไอ้การที่คนเราจะมาพิจารณา และหาข้อโจมตีตัวเองได้นี่ มันก็ยากเข็ญเอาการทีเดียว
แต่ถ้าเราผ่านการยากเข็ญนี่ไปได้
ผมว่า…
อย่างน้อยคนเราจะได้พัฒนาตัวเองได้
 
สำหรับข้อเสียของผม ผมว่าเยอะนะ
มันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมโดนทิ้งมาหลายครั้งแล้วก้ได้ (จำนวนการถูกทิ้งไม่ถึง 10 แต่ใกล้อยู่)
 
ผมเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองครับ
หงุดหงิดง่ายด้วย งี่เง่าก็ไปอีกเท่านั้น
ชอบคิดเอง ทำเอง
แต่อารมณ์แบบนี้ มักจะเกิดแต่กับคนที่ผมรักน่ะซิ
อันนี้อาจจะเป็นส่วนที่แย่ที่สุด
 
ผมชอบโกรธ หงุดหงิด กับคนที่ผมรัก
เวลาเค้าทำอะไรดีๆให้ ถ้าผมหงุดหงิด ผมก็จะฟังอะไรไม่เข้าหูไปหมด
ไม่ได้แย่ขนาด 100 พีคๆ
แต่การร้ายๆโง่ๆไม่มีเหตุผลนี่
มันก็บั่นทอนความรักที่คนที่รักผมมอบให้มาตลอด
 
แย่นะ
ทั้งๆที่เราก็เข้าใจว่าเรางี่เง่า
แต่เรายังแก้ไขทั้งหมดไม่ได้
ไม่ใช่ไม่พยายามนะ
แต่มันอาจจะไม่พอ
มันอาจจะน้อยไป
แต่ผมก็พยายามแล้วนะ
 
แต่ก็ยอมรับ บางที
มีเรื่องอะไรกดดันขึ้นมามากๆ
ผมก็นอยๆ แล้วก็พาล เอาแต่ใจตัวเอง หงุดหงิด งี่เง่า
 
ผมชอบกินกาแฟ ดังนั้นปากผมมักจะดำ
ฟันก็มักจะดำ และปากมีกลิ่นกาแฟ
คิดดู ถ้าคนที่ไม่ชอบกินกาแฟ มาคุยกับผม
ผมก็ต้องกลายเป็นคนปากเหม็นแน่ๆ
 
ที่เรียกว่าชอบนี่ ผมกินกาแฟดำครับ
เรียกว่าติดก็ไม่เชิง
แต่กินวันละ 4 แก้ว
มันเป็นนิสัย
เวลาเครียดๆก็ต้องไปกดมากิน
เวลาเบื่อๆก็ต้องไปกดมากิน
เวลาเหงาๆก็ต้องไปกดมากิน
ตกลง คือเป็นเหี้ยไรผมก็ต้องไปกดมากินอ่ะ แม่งติดแน่ๆเลยว่ะ
 
ผมติดโค้กด้วย
กินจนฟันกร่อน ฟันผุกระจุยกระจาย
กินจนกระเพาะทะลุ กระดูกพรุน …ยัง!!!
แต่เอาเป็นว่ากินเยอะน่ะ
กินจนเยอะพอๆกับกาแฟ
 
มันคงนับเป็นข้อเสียได้เหมือนกัน
 
ผมติดหนังสือครับ
ติดมันทุกประเภท ดีที่หนังสือโป๊เมืองไทยนางแบบมันหน้าเหมือนชาวนา (ไม่ใช่ชาวนาไม่ดี ผมแค่ไม่นิยมเท่านั้น)
ผมก็เลยเว้นไว้ไม่ติดโป๊เมืองไทย แต่ผมก็ยังติดการ์ตูน ติดนิตยสาร ติดนิยาย
คนที่ไม่อ่านหนังสือ อาจจะมองว่าผมไร้สาระได้ จริงๆนะ
นี่ก็เป้นข้อเสียที่มองต่างมุมเหมือนกัน
 
ผมงกว่ะ
มันแบบ รู้ว่าเงินหามายากอ่ะ
ผมก็อยากจะเลือกให้อะไรกับตัวเองหน่อย
หรือกับแฟน บางทีผมไม่สามารถให้คุณได้ในวันนี้จริงๆนี่
ผมไม่มี คือผมเลี้ยงครอบครัวไง
ทำงานเลี้ยงครอบครัว
มีพ่อ แม่ น้องสาว หมาราคาแพงอีก 4 ตัว นกราคาแพง 1 ตัว และเม่นน้อยๆอีก 4 ตัว
ที่มีสัตว์เลี้ยงราคาแพง และ แปลก นี่ เพราะมันเป็นผลพวงจากช่วงก่อนๆ
ที่บ้านพอมีเงินไงครับ คือเอาตอนนี้บ้านก็ไม่ได้ลำบากมาก
แต่แม่ผมไม่สบายรักษากันมา 8 ปีได้มั้ง เป็นล้านๆแล้วครับ
ผมก็เลยไม่ค่อยมีเงินไปปรนเปรอปรนนิบัติคุณแฟนๆเท่าไร
น่าเส้าเนอะ
 
แต่ผมว่ามันมีข้อดีนะคุณผู้หญิงทั้งหลายที่เผลอหลงเข้ามาอ่าน
แฟนๆของคุณอาจจะยังไม่ต้องรักษาผู้ปกครองชรา ที่ไม่สบาย
แต่แน่นอน พวกเค้า (พวกมัน) ก็ต้องรักษาอยู่แล้ว
วันนี้พวกมันตามใจคุณได้ แต่อนาคตจะได้แค่ไหนกัน
วันที่มันต้องมารักษาพ่อ แม่ บ้าง
แล้วคุณจะทนได้เหรอ… น่าคิดป่ะ
มันก็ต้องงกกับคุณในวันนั้นๆนะ
 
ดังนั้นเพื่อการหลีกเลี่ยงปัญหา มาคบกับผมดีกว่าว่ะ
ปัญหาผมเกิดขึ้นแล้ว
อีกไม่นานมันก็จบ ถูกป่ะ
แสดงว่า ช่วงชีวิตที่เหลือนี่
ผมเอาเงินมาให้คุณถลุงใช้กันได้เต็มที่เลยนะ
 
ว้าวมั้ยๆ
 
ผมไม่ชอบขับรถด้วยล่ะ
เพราะผมไม่ใช่ผู้ชายที่ต้องใช้รถไปจับผู้หญิงง่า
ผมชอบความรวดเร็ว และการออกกำลังกาย
ผมเลือกการขนส่งที่เป็น Mass Transportation ดีกว่า
รถไฟฟ้า มันพาผมไปถึงไหนต่อไหนในเวลาไม่นานเลยนะ
ที่สำคัญ Global Warming นะ ผมเก็บน้ำมันไว้ให้ลูกหลานใช้ดีกว่าว่ะ
เผื่อลูกผมหน้าตาแย่ มันจะได้เอารถไปจับหญิง
 
อืม…
 
ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่า
จะอ้วกแล้ว
เขียนข้อเสียตัวเอง
แม่งเหี้ยนะไอ้นี่
ดูไม่มีดีเลยอ่า
 
 
 

คืนอันเป็นนิรันดร์

 

ตราบใดเวลายังหมุนผ่าน
ความทุกข์จะหมุนผ่าน เพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์

 
เหมือนว่าเราจะมอง ไม่เห็นหนทางใด
ตกอยู่ในความมืดบอด ตกอยู่ในห้วงใจที่อ่อนไหว
 
เหมือนจะเป็นกลางคืนอันยาวนาน เมื่อฟ้าไม่มีแสงใด
มองไปรอบกาย หัวใจก็พลันหวาดกลัว
 
ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที
จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกมั้ย
 
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีตะวันที่ฉายในวันต่อไป
แต่ไม่รู้ต้องรอเมื่อไหร่
เหมือนใจเราคงจะอยู่กับคืนอันเป็นนิรันดร์
 
ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที
จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกมั้ย
 
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีตะวันที่ฉายในวันต่อไป
เมื่อเรามีเช้าวันใหม่ หวังใจว่าจะมีหนทาง
 
เมื่อทุกในวันเมื่อวาน คืนกลับมาหาใจอันอ่อนแอ
เหตุที่ใจแพ้ เพราะเราต่างหากที่แพ้ใจ
ความทุกข์จึงเป็นเหมือนคืนที่ยาวนาน
แล้วมันจะผ่านไป
ตราบใดเวลายังหมุนผ่าน
ความทุกข์จะหมุนผ่าน เพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์
 
วันคืนต้องผ่าน นั่นคือเวลาอันเป็นนิรันดร์
 
 
 
เพลงเพราะๆความหมายดีๆ จาก รักแห่งสยาม

1 CORINTHIANS 13:4-8

Love is patient, love is kind. It does not envy, it does not boast, it is not proud. It is not rude, it is not self–seeking, it is not easily angered, it keeps no record of wrongs. Love does not delight in evil but rejoices with the truth. It always protects, always trusts, always hopes, always perseveres. Love never fails…
 
1 CORINTHIANS 13:4-8

I’m Glad…

ฉันดีใจที่มีเธอ

ศิลปิน : บอยด์ โกสิยพงษ์
ในโลกที่มี ความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

** ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
และฉันรู้และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

ในอุปสรรค ที่มากมาย
ในความหวาดหวั่น ที่วุ่นวาย
และอนาคต ในปัจจุบัน และ อดีต
ในความเจ็บปวดที่ต้องเจอ
ที่ไม่เคยคุ้นเลยสักที
ไม่เคยรู้วันพรุ่งนี้ต้องเจอกับเรื่องใด

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

(**)

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

(**)

ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน

 
 
Dearest Sister, Anin (should call you this way, I guess)
 
I’ve listened this song for a while not sure how long but I’ve never think of it until today.
I know thing changed, something we don’t know how to hold it with pain… tragedy…
 
Let it goes might help both of us, right?
Being such an idiot with you and make you annoying it’s not such a thing that I should do T_T
 
Frankly, I wanna talk to you all the time although things changed. But I don’t know how much you want to talk to me as in the past. I accept that with full of my heart.
 
Hmm… I don’t know, writhing those thing to you will make you uncomfortable or not. Sometime I made you angry cause I picky on you… so sorry na ka T_T
 
ANyway, I’m glad that short and sweet moment I’m with you… in my dream I have you by my side…
You’re the only one who open my heart, and make me honest in word love. It’s long way to go with our life… Who know?
 
Lastly, thank god that I found you 😀
 
Time change lover become Sister… but I’m glad that I know you t(",t)
 
LOVE u always na ka tee rak

 

ทำไมต้องเลิกกับกู ตอนฤดูหนาว

 
คุณบอกข้อดีให้ผมสักข้อได้มั้ย ว่าทำไมต้องจากไปในตอนนี้
เสียงบ่นเล็กๆของชายคนหนึ่งท่ามกลางลมหนาว
เสียงของความไม่เข้าใจล่องลอยมาตามสายลม
 
ทำไมต้องเลือกฤดูนี้!!!
 
ถ้าเป็นฤดูร้อน คุณรอต่อไปอีกไม่กี่เดือน
อาการผมมันดีกว่านี้แน่ๆ
คุณคิดดูถ้าเป็น ฤดูร้อน คุณเลิกกับผม ผมไปทะเล ไปเล่นน้ำสงกรานต์
ไม่นานผมก็ได้สาวมานอนกก
ฤดูหนาว ไม่มีใครมาสาดน้ำ
ไม่มีใครมาใส่สายเดี่ยวสีขาว บราดำ ให้ผมแอบจำไปช่วยตัวเอง
ไม่มีสาวใจแตกใส่บิกินี่เดินเฉิดฉายอยู่ริมทะเล
 
คุณจะให้ผมนั่งดูหนังโป๊อยู่บ้านคนเดียวหรือไง
อย่างน้อย
มาให้ไออุ่นกันก่อนไป ต่อเวลาอีกนิดเหมือนโอที
บางทีมันน่าจะช่วยอะไรเยอะกว่านี้
 
หรือ เป็นฤดูฝน …ถ้าเป็นฤดูฝน
ผมยังพอจะมีสาวใส่เสื้อขาวบางๆตัวแฉะๆ
ให้เจริญหูเจริญตา เวลาผ้าแนบเนื้อผมจะได้มีภาพอะไรไว้ปลอบใจ
ทำไมคุณไม่เลือกบอกเลิกตอนนั้นล่ะ?
 
คุณดันทนจนมาบอกเลิกฤดูนี้
แล้วก็หนีจากผมไปซะงั้นดื้อๆ
 
คุณคิดดู หนาวก็หนาว
เหงาก็เหงา
แล้วสาวๆแต่ละคนก็แต่งตัวมิดชิดจนแทบจะไม่เหลืออะไรไปให้จินตนาการ
โค้ทยาว ทับด้วยผ้าพันคอผืนหนา
 
วัตถุดิบที่เหลือให้ไปจินตนาการแทบเหลือศูนย์
 
ถึงแม้ว่าปาล์มมี่จะบอกว่า
 
"คนจะไปก็ต้องไป รักเท่าไหร่ แต่ฉันคงทำได้แค่นี้…" หวังว่าผมคงจะจำเพลงเขามาถูก
แต่อย่างไรก็ตาม
 
ทิ้งผมทำไมตอนนี้
 
ถ้าย้อนเวลาไปได้
ผมก็คงจะเลือกให้ไม่ถูกทิ้ง
 
แต่โอเค ถ้าคำว่า พรหมลิขิต มีจริง
แล้วผมก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดี
อย่างน้อย
ผมก็ขอไม่เป็นคนดีดีกว่า
เพราะว่า
ไอ้ปั๊ป กับป้าเบิร์ด ก็ร้องเพลงเอาไว้ว่า
"คนดีไม่มีใคร และ คนดีไม่มีที่อยู่"
 
คุณก็รู้ใช่มั้ย ว่ามีคนมาอ้าขารอให้ผมไปเสียบเท่าไหร่
รู้อย่างนี้ผมไม่น่าถนอมน้ำเก็บเอาไว้
น่าจะไปออกแรงให้เคล็ดขัดยอกเล่นๆยังจะดีซะกว่า
 
ที่สำคัญ คนที่มานอนถ่างขอให้ผม คุณก็รู้
แต่ละคน หน้าตาใช่เล่นซะที่ไหน
เสียดายแทนผมรึยัง
 
ยิ่งไปกว่านั้น
ผมรบไม่ได้จริงๆนะ ถ้าคุณเหงาจนต้องรีบไปคุยกับคนใหม่
ถ้าจะคุยจริงๆ
 
อย่างน้อย คุณเลือกที่ดีกว่าผมหน่อยซิ
หน้าตา รูปร่าง อะไรแบบนั้น
ผมนอยมากๆนะ
ถ้าโดนคนเหียกๆมาเสียบคุณ (อาจจะยังในตอนนี้)
คุณจะรู้สึกยังไงล่ะ
 
ลองคิดดู
 
ถ้าคุณโดนผมบอกเลิก
ตอนฤดูเหี้ยไรก็ตาม
เพราะผมไปเจอคนใหม่
ที่หน้าตาไม่ต่างกับแม่ค้าขายตำปลาร้า
คุณคิดไงอ่ะ
 
ไม่ได้บอกว่าแม่ค้าตำปลาร้า หน้าแย่
แต่คุณคิดว่าคุณหน้าแย่กว่าแม่ค้าตำปลาร้ามั้ย
 
คุณจะรู้สึกยังไง
 
ผมก็รู้สึกแบบแนวๆนั้นแหละ
 
…นอกจากนั้น
ไอ้เรื่องการเลิกกับแฟนแล้วหนีไปเมืองนอก
อืมๆ
คุณว่าไงล่ะ
ผมว่ามันดูวิ่งหนีๆนะ
โอเค
อย่างน้อยคุณรักตัวคุณเอง
ไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับความเครียด
(แต่ดูผมดิ ความเครียดแม่งล้นอกหูแล้วตอนนี้ นี่ไม่นับที่ไหลออกจากรูตูดแล้วนะ)
แล้วก็เสนอทางเลือกให้เราคบกัน
 
ผมพยายามยกตัวอย่างให้คุณดูหลายตัวอย่าง
มันจะมีกี่คู่ที่รอดเหรอ
เท่าที่ประสบการณ์มืดๆของผมเห็น
มันไม่มีเลย
 
โอเค
 
คุณมีบ้าง คู่ 2 คู่
แล้วผมถามจริงๆ
พวกมันหน้าตาเป็นไง
ได้ครึ่งของผม ได้ครึ่งของคุณมั้ย
 
คุณก็ยอมรับว่าไม่
 
คุณคิดดู
พวกนั้น
ผู้ชาย นอนถ่างขา โชว์อวัยวะเพศตั้งโด่
ยังไม่มีผู้ ญ มาเหลียวมอง
ที่มองก็ทำหน้า อี๋ ย้ำ อี๋
 
แต่เป็นผมดิ
ใส่ชุดตุ๊กตาหมียังมีคนมาขอเอา
(นี่ผมนับแต่ผู้หญิงนะ)
 
แล้วมันจะเหลืออะไร
 
มาด้านคุณบ้าง
ลมหนาวพัดคุณ
คุณคิดว่าคนที่ไร้ซึ่งเสาเข็ม ขาดซึ่งความมั่นคง
จะทนหนาวได้แค่ไหน
นึกภาพคุณหาเนื้อแก้หนาว ผมก็เหงาแล้ว
 
คุณชอบอ้างคำว่า Destiny
ผมใช้คำว่าอ้าง เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ผมก็เคยเชื่อ แต่ผมรู้ว่า
ถ้าไอ้ห่าตรงนี้ไม่พยายามเลย
พรหมลิขิตมันไม่เกิดหรอก
 
รอไป ไอ้ทิดหมาวัด สักวันคงจะมีดอกฟ้ามามอง
เพ้อเจ้อ
 
ดั่งกวีท่านหนึ่งที่มีบทเรียนในหนังสือตอน ม.ปลาย
ที่จำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าผ่านมานาน
แต่เพราะไม่ตั้งใจเรียนมากกว่า กล่าวไว้ว่า
(น่าจะเป็นท่านมหากวี Unesco สุนทรภู่นะ)
 
"อันของสูงหมายปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่าย จะได้หรือ…"
 
แต่คุณทำให้ผมเห็นว่า
 
การที่ผมรักคุณจะเป็นจะตาย มันทำให้ผมตายจริงๆ
 
ให้ตายเถอะหิมะ
ทับกูให้ตาย
ทับให้ใจกูเป็นน้ำแข็ง
 
ทับมันเข้าไปๆ
 
อย่าให้กูโงหัวขึ้นได้
 
เพราะเมื่อไหร่ที่กูขุดขึ้นมาได้
 
วันนั้นพระจันทร์ก็จะถูกกูเมิน
กูจะยิงตกลงมาแล้วก้าวข้ามไป
 
กูไปไกลกว่านี้แน่นอน
 
 
 
 
"นึกภาพคุณหาเนื้อแก้หนาว
ผมก็เหงาแล้ว"
 
 
 
 
 
 
 
 
 

วันที่โลกหยุดหมุน วัตถุเคลื่อนไหว คนที่เวลาหยุดนิ่ง

 

 

 
ผลการตรวจสอบล่าสุดจากคุณหมอ…
 
อาการไม่ค่อยดีเท่าไร
 
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
 
ขนมปังปอนด์ถูกบิออกเป็นก้อนเล็กๆ ผมเงื้อมือขว้างมันออกไปสุดแรงแขน ขนมปังเสี้ยวเล็กๆ ปลิวฝ่าแรงลมที่พัดมาเอื่อยๆ ตกลงยัง พื้นเบื้องหน้าผมไกลออกไป สาม สี่ วา
ผมวูบหึ่งพับฮือผ่านตัวผมไปเบื้องหน้า เศษขนมปังที่ตกลงไปเมื่อกี้หายไปในพริบตา คงจะเป็นฝูงนกพิราบกระมั้ง
 
มือสองข้งของผม ยังทำกิจกรรมเดิมๆวนไปวนมาจนขนมปังแถวใหญ่หมดลงไปช้าๆ สายลมพัดแล้วพัดเล่าพัดผ่านผมไป ขนมปังก็หายไปทุกครั้งที่ผมเหลือบไปมอง
เศษขนมปังเล็กๆเหล่านั้น ก็เปรียบไปเหมือนกับหัวใจที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆของผม หัวใจหนึ่งดวง ที่ถูกฉีกออกจนหมด
 
ผมเดินทางกลับบ้าน
 
ปัญหาเรื่องการมองของผมไม่เป็นปัญหาเหมือนแรกๆที่มันเกิดขึ้นมา
ผมคงจะชินกับมันซะแล้ว
หลังจาก 2 ปีของการวินิจฉัยโรค คุณหมอให้คำอธิบายกับผมว่า
ผมเป็นโรคที่ค่อนข้าง จะ… ไม่ค่อยมีคนเป็นเหมือนกับผม
 
ผมสูญเสียความสามารถบางอย่างในการมองไป
หมออธิบายให้ผมฟังอย่างช้าๆ
ผมยอมรับว่าครั้งแรกผมไม่ค่อยเข้าใจ
 
เพราะแรกๆที่ผมเริ่มมีอาการ
มันไม่ได้ชัดเจนแบบทุกวันนี้
 
จำได้ว่ามันแรกๆผมแค่เบลอๆเวลาเห็นรถวิ่งเร็วๆ
หรือว่ามองผ่านทีวีแล้วจับภาพไม่ค่อยได้
จนต้องไปหาหมอ เพราะคิดว่าสายตาสั้น
 
หมอวินิจฉัยไม่ได้ ว่าเป็นอะไรกันแน่
อาการดีๆหายๆเป็นเวลานานหลายเดือน จนในที่สุดวันหนึ่ง
ผมก็เริ่มสงสัยว่า อาการที่ผมเป็น มันเป็นอะไรแปลกๆ
ผมมองเห็นคนที่นั่งอยู่บนรถไฟฟ้ากับผม
แต่ผมมองไม่เห็นรถที่วิ่งบนถนนเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟฟ้า
…ผมมองไม่เห็นสิ่งที่เคลื่อนไหว
 
หลังจากพูดคุยกับหมอ คุณหมอทำการทดลองหลายอย่างอย่างตื่นเต้น
เพราะจะว่าไป ในตอนแรกที่คุณหมอได้ยินอาการ ก็ทำหน้าเหมือนว่าผมเป็นบ้า
แต่จนกระทั่งค่อยๆทำความเข้าใจต่างๆ
ผมก็เริ่มถูกทำการทดลอง และได้รับการยอมรับ ว่าผมเป็นโรคนี้จริงๆ
ผมสูญเสียความสามารถในการมองสิ่งที่เคลื่อนไหว!!!
 
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
 
อาการบ้าๆแบบนี้ มีจริงๆบนโลกใบนี้เหรอ
ผมยังเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่งจนถึงวันนี้
แม้ว่าตัวผมเองนี่แหละ จะเป็นตัวอย่างของผู้ป่วยอาการแปลกๆแบบนี้
 
คาดการณ์ว่าภายในเวลาไม่เกิน 5 ปีหลังจากนี้
ผมจะสูญเสียความสามารถในการมองเห็นสิ่งเคลื่อนไหวไปอย่างสิ้นเชิง
 
กรณีของผม ถูกส่งเข้าไปในสภาแพทย์โลกเพื่อวินิจฉัย
อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่เคยมีตัวอย่างที่มีชีวิตของผู้ป่วยอาการนี้บนโลกเลยก็ว่าได้
 
อาการนี้ของผม…
ถูกวินิจฉัยว่ามันมาจากที่จิตใจของผม
ผมปิดกั้นตัวเอง
ปิดกั้นหัวใจ …หรือความทรงจำบางส่วนไว้ ณ วันๆหนึ่ง
ซึ่งน่าจะเป็นวันที่เป็นจุดเปลี่ยนอะไรสักอย่างในชีวิตของผม
 
แน่ล่ะไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุมันคืออะไร…
วันอะไรที่ผมหยุดตัวเองเอาไว้…
 
คนที่จะรู้ ก็คงจะมีแต่ผมคนเดียว
 
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
 
วันนั้น…
 
วันที่นาฬิกาหยุด
 
เป็นวันที่เธอจากไป
แน่นอน จะมีเหตุผลกี่อย่างที่ทำให้คนเราเปลี่ยนไป
 
ความรักเป็นเหตุผลที่คนเอามาเป็นข้ออ้าง …อันดับต้นๆเลยล่ะ
ผมก็เป็นคนอันดับต้นๆ ที่เอาเรื่องรักมาอ้างเวลามีผลกระทบในชีวิต
 
จำไม่ได้จริงๆว่าทำไม
เธอถึงต้องไป
 
เหตุผลมันดูน้อยๆยังไงสักอย่าง
รู้แต่ว่าเธอต้องไป
 
ตั้งแต่วันนั้น
สมองผมก็เลยสั่งให้เวลาบางส่วนหยุดอยู่ตรงนั้น
ความทรงจำหลายๆอย่างก็ตกค้างอยู่ตรงนั้น
 
สมองผมปฏิเสธการมองเห็นสนิ่งเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง
เพราะมันต้องการจะปิดกั้น
ผม
และ
โลกภายนอก
 
ต้องการที่จะแยกผมออกมาอยู่ตัวคนเดียว
อาจจะเพื่อป้องกันความปวดร้าว
ผมก็ตอบชัดเจนมากไม่ได้
รู้แต่ว่า
 
ความเจ็บที่เจอมันเป็นของจริง!!!
 
อย่างที่ว่า
 
อีกไม่เกิน 5 ปี
ผมคงจะถูกปิดกั้นอย่างถาวรจากโลกที่เคลื่อนไหว
วันนั้นผมคงจะอยูเป็นนิรันดร์กับตัวผมเอง
 
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
 
 
 
 

After Shock

 
…ดักแด้คิดว่านี่คือจุดจบของชีวิต
แต่ผีเสื้อมองว่ามันเป็นการเริ่มต้น…
 
 

Love doesn’t need reason

 
Lady : Why do you like me? Why do you love me?
 
Man : I can’t tell the reason… But I really like you…
 
Lady : You can’t even tell me the reason… How can you say you like me? How can you say you love me?
 
Man : I really don’t know the reason, but I can prove that I love you.
 
Lady : Proof? No! I want you to tell me the reason. My friend’s boyfriend can tell her why he loves her, but not you!
 
Man : OK..OK!!! Erm…because you are beautiful, because your voice is sweet, because you are caring, because you are loving, because you are thoughtful, because of your smile, because of your every movements…
 
Unfortunately, a few days later, the Lady met with an accident and became comma.
 
The Guy then placed a letter by her side, and here is the content :
 
 
Dearest,
 
Because of your sweet voice that I love you… Now can you talk? No! Therefore I cannot love you.
 
Because of your care and concern that I like you… Now that you cannot show them, therefore I cannot love you.
 
Because of your smile, because of your every movements that I love you… Now can you smile? Now can you move? No, therefore I cannot love you…
 
If love needs a reason, like now, there is no reason for me to love you
 
anymore.
 
Do love need a reason? NO!
 
Therefore, I still love you… And love doesn’t need a reason

One Moment in Time

"กูงงมากๆ เวลาคบกันนี่ คือแม่งต้องเหมือนกับคบกับทั้งบ้านก่อนเลยเหรอ
คือค่อยๆไปก็ได้ ก่อนจะดีมั้ย เราสองคนก่อน งี้ตอนเอากัน
แม่งไม่มาสกิดเหรอ ท่านี้ไม่ดีนะ ไม่สุภาพ แย่ๆ"

 

 

His Younger Friend:เห้ย

Imperfection One:ว่าๆ เกิดไรขึ้นๆ

His Younger Friend:ได้ข่าวว่า….โดนกีดกันเหรอฟระ

Imperfection One:แปลว่าไรวะ? เรื่องแฟนเหรอ

His Younger Friend:แกหน่ะแหละ

Imperfection One:ก็เรื่องไรไง แฟนป่ะ

His Younger Friend:อ้าว เออ

Imperfection One:เออ

His Younger Friend:เออ แฟนแกไง

Imperfection One:แย่ป่ะ

His Younger Friend:ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว

Imperfection One:นี่ครั้งที่ 3-4-5 แล้วล่ะ เออ

His Younger Friend:แม่เมียกีดกันหรอวะ

Imperfection One:คลุมเคลือๆ

His Younger Friend:แย่สัด

Imperfection One:555+ อืม บ้าเงินน่ะ บอกว่ากูจนน่ะ

His Younger Friend:แล้วแฟนแกไม่นอยหรอวะ

Imperfection One:ไม่แล้วนะ

His Younger Friend:เวิรค

Imperfection One:คือ

His Younger Friend:หนีตามกันเด่ะ

Imperfection One:เปนคนตามพ่อตามแม่ไง กูกล้านะ แต่เค้าม่ะก้าน่ะดิ

His Younger Friend:อ้าว แล้วแฟนแกก็อินหรอวะ เปนกูหนีตามกันไปแล้ว

Imperfection One:เออ บ้าป่ะ รุ่นพี่แกน่ะ เขมะ

His Younger Friend:เผอิญบ้านกูไม่บ้าเงินเลยหนีตามไม่ได้ 55555555555

Imperfection One:5555+

His Younger Friend:เออ ไม่สนิท ไม่นับ 55555555

Imperfection One:5555+เออ ลืม แม่งเอ๊ยยย

His Younger Friend:ใจเยน

Imperfection One:แต่ไม่เปนไรมากนะ

His Younger Friend:นอยอ่ะเด่ะ เด่อ

Imperfection One:นอยแต่ไม่ตาย ครั้งที่แล้วแย่กว่า

His Younger Friend:ตอนนี้กูรักกันดีนะ (หมายถึงกะแฟนน่ะ)

Imperfection One:เหนล่ะ ชวนแต่งงานอยู่นิ

His Younger Friend:เดี๋ยวก็หาได้ใหม่ป่ะวะ อย่างแก5555555555555555555555

Imperfection One:ค่อยๆแล้วว่ะ ไม่เครียดๆ

His Younger Friend:เออ ถ้ามันมีตังค มันคงมาขอ

Imperfection One:กูด้วย

His Younger Friend:เออ แกไปอยู่กะพี่ตู๊ดเด่ะ

Imperfection One:ขอสร้างตัวก่อนดิ

His Younger Friend:อัดตูดๆ

Imperfection One:ไม่เอาอ่ะ มันสำ 555+

His Younger Friend:เออหว่ะ แม่แฟนพี่แม่ง….ประสาท 555

Imperfection One:เออจิง แต่ช่างเหอะ แม่งบอกว่า นี่คือแฟนเก่ากูมาบอกนะ บอกว่า กูน่ะ ไม่ได้ไม่ดีหรอก แต่ลูกอยู่กับเค้าแล้วจะไม่ลำบากเหรอ เอ๊ะ ยังไง

His Younger Friend:เออ กูเข้าใจนะ แต่แบบ เหี้ย ให้เวลา ให้โอกาสคนกันบ้าง แม่งถ้ามีคนอย่างงี้ทั้งโลก คนจนก็ไม่มีสิทมีเมียหรอวะ ห่าจิก โลกแคบ

Imperfection One:ถูกกก แคบมาก แต่โทษเค้าก็ไม่ได้หมดหรอก ต้องโทษแฟนเก่ากูด้วย ที่เชื่อทุกอย่างจนไม่คิดเองไง

His Younger Friend:เออ นั่นเด่ะ เมื่อไม่นานมานี้ แฟนชั้นเพิ่งมาเหวี่ยงชั้น บอกว่า พี่ชายมันบอกว่า ชั้นแบบไม่มีสัมมาคารวะ กูแทบเอาเก้าอี้ฟาดหน้าแม่ง

Imperfection One:เฮอะ

His Younger Friend:แล้วแม่งก็อิน ชั้นเลยบอกมันว่า ชั้นไม่เซ็งอะไรเท่ามันแม่งไม่ปกป้องชั้นเลย อินตามไปเรื่อย เอออ กูเซ็งมาก เห็นครั้งสองครั้งก็ตัดสินกันซะแล้ว เปนโรคบ้าอะไร

Imperfection One:กูงงมากๆ เวลาคบกันนี่ คือแม่งต้องเหมือนกับคบกับทั้งบ้านก่อนเลยเหรอ คือค่อยๆไปก็ได้ ก่อนจะดีมั้ย เราสองคนก่อน งี้ตอนเอากัน แม่งไม่มาสกิดเหรอ ท่านี้ไม่ดีนะ ไม่สุภาพ แย่ๆ

His Younger Friend:นั่นเด่ะ 555+ กร๊ากกกกกกกก แต่ตอนกูเอาไม่เคยมีใครสะกิดนะ

Imperfection One:555+ ชวนกูไปสะกิดมั้ย ถือกล้องส่องไฟ กูทำได้นะ

His Younger Friend:ไม่เอา อย่ายุ่งน่า แสด

Imperfection One:เออๆ ไม่เอาก็ได้ 555+ ช่วงนี้แม่งไม่ค่อยอยากทำงาน อยากไปเที่ยวๆๆๆๆๆๆๆ

His Younger Friend:เออ แต่กูอยากอยู่บ้านมาก เบื่อ นี่กุว่าจะลาออก แม่ง คนในบริษัทแห่กันออก

Imperfection One:กูเลิกกินเหล้า ดูดหรี่แล้วนะ เพื่อแม่ แล้วเรื่องงาน ออกทำไมวะ

His Younger Friend:ก็ เจ้านายกูออก มีแต่คนเห่ยๆ สอนงาน เลยแบบ จะอยู่ทำเหี้ยไร ไม่มีความรู้

Imperfection One:กูก็เคย ทนไปได้ปีนึง แล้วเราก็สูญเสียจิตวิญญาณไปเรื่อยๆ แต่ค่อยๆนะ ใจเย็นๆ

His Younger Friend:อื้ม นี่เย็นแล้ว ไม่เย็นกูออกไปนานแล้ว

Imperfection One:เอาน่าๆ ขอบใจที่เปนห่วงนะ …มึงเปนห่วงกูใช่ม่ะ

His Younger Friend:อ่อ เออเปนห่วง *ตบไหล่แปะๆ เอาหน่ะ ก็แค่สาวอีกคน อย่าไปเครียดเนอะ

Imperfection One:ใจมากๆ

 

เห่อสีชมพู

อาการการปิติในยามที่เราได้รับทราบว่า เราจะไม่ได้เป็นหมาหัวเน่า และเราจะมีที่เกาะให้เดินยืดๆไปได้อีกอย่างน้อย 4 ปี นี่มันช่างชุ่มชื่นหัวใจเสียนี่กระไร
อย่างไรก็ตาม มันก็แอบกลัวเล็กๆน้อยๆ ในหลายๆเรื่อง เพราะเพื่อนๆเราหลายๆคนที่เรียนด้วยกันว่า 12 ปี
มันจะต้องหายไปจากชีวิตเราซะแล้ว
 
แต่ละคนก็ต้องมีหนทางที่เลือกเดิน ทั้งเลือกเอง หรือถูกบังคับเลือกที่แตกต่างกันไป
เพื่อนสนิทผมหลายๆคนก็เคว้งคว้างกันกับอนาคตที่ดูล่องลอยของตัวเอง จะว่าไปตอนนั้นเรายังเด็ก
การเอ็นท์ไม่ติดสำหรับหลายๆคน มันคือจุดสิ้นสุดของโลกกันเลยทีเดียว
 
ไม่เป็นไร เราจะมาคุยถึงเรื่องนี้กันในอนาคต ถ้าผมมีเวลา และไม่ลืมที่จะพูดถึงมัน
 
สำหรับผมพอได้รู้ว่าตัวเองได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นนิสิตของสถาบันอันดับ 1 ของประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มันแทบจะเดินไม่ติดพื้นเลยทีเดียว รู้สึกตัวเองฟุ้งๆแปลกๆ และยอมรับว่าในวันนั้นได้ทำอะไรบ้าๆไปหลายอย่างเลยทีเดียว
เพราะในความเป็นจริงแล้ว การได้รับรู้ผลเอ็นท์นั้นเป็นเพียงการประกาศคะแนนเท่านั้น
มันยังมีการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งเขาจะตัดสินใจให้เราเข้าไปเรียนอีกครั้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยได้ยินว่ามีใครสอบตกรอบสัมภาษณ์ ผมก็เลยถือเอาว่า กูได้เรียนแล้ว!!!
 
เวลาช่วงนั้นเป็นการไหลของเวลาที่เร็วมากๆสำหรับผม
อาทิตย์นี้ต้องไปรายงานตัว
วันต่อมาต้องไปตรวจสุขภาพ
วันต่อไปอีก ก็ต้องไปทำนู่นทำนี่ที่มหาวิทยาลัย
 
ใจหนึ่งก็ตื่นเต้นที่ได้รู้สึกว่าเรากำลังจะเป็นผู้ใหญ่
แน่นอนในวันนั้น เด้กมัธยมปลายกลายสภาพมาเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยมันเป็นเรื่อง Coming of Age ที่ใหญ่โตมากๆทีเดียว
 
ยิ่งพวกเพื่อนๆผมที่มาจากโรงเรียนเดียวกันแล้ว
เราเรียนกันมา 12 ปี ที่มีแต่ผู้ชาย
มองไปทางไหนก็เห็นแต่หัวเกรี๋ยนๆ เขียวๆ
ไอ้ที่จะมีอะไรสวยๆงามนี่ก็หามองไม่ได้เลยในห้องเรียน
 
สิ่งมีชีวิตเพศตรงข้ามที่เราพอจะแอบมองได้ก็มีแต่ในที่เรียนพิเศษ
ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยมีประสบการณ์การมีเพื่อนต่างเพศ
แต่ว่าไอ้นั่งเรียนร่วมกันจริงๆเนี่ย ยังไม่เคย!
 
โลกใบใหม่มันกำลังรอพวกผมอยู่
ช่วงวันแรกๆที่เราต้องไปรายงานตัวกันที่มหาวิทยาลัย
มันเป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่า เอ่อ ที่นี่ มองทางไหนก็สวยไปหมดเลยนะ
ต้นไม้ก็ใหญ่โต บริเวณอาณาเขตก็กว้างขวาง
และแน่นอนทุกอย่างมันดูสดใสๆแปลกๆ เป็นสีชมพูไปหมดเลยน่ะซิ
 
มันเป็นช่วงที่เห่อมากๆกับสีชมพูเนี่ย
ทั้งๆที่ผู้ชายอย่างผม ทั้งชีวิต มิได้มีส่วนเกี่ยวเนื่องใดๆกับสีชมพูมาก่อนเลย
เรียกว่าจะนึกถึงก็ยังไม่มี
 
ยิ่งไอ้เสื้อสีชมพูนี่ ใส่แล้วเหมือนลูกหมู ไม่เคยคิดจะมี
แต่พอได้ยินว่าวันรับน้องต้องใส่เสื้อสีชมพูมา ก็เฮโลไปซื้อกันใหญ่
ที่สำคัญพอได้ใส่แล้วเนี่ย มันก็กลับกลายเป็นว่าชักจะไม่อยากถอดเลยน่ะซิ
 
ตอนอยู่บนรถเมล์ก็ยืด
เดินอยู่แถวบ้านก็ยืด
ทั้งที่ไม่ได้ชอบสีนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
 
ตลกดี
 
มาคิดดูตอนนี้ก็ยังขำๆได้เสมอ
 
คนขี้เห่อสีชมพู
 
To be Continue