Archive for August, 2006

คนดี ๆ ทำไมไม่รัก

ฉันนั้นโง่ใช่ไหม  ที่งมงายยอมทนอย่างนี้
เป็นคนดีที่เธอไม่แคร์
ตามใจเธอไม่เห็นเธอดูแล  มีแต่ทำให้ช้ำใจ
อยู่ได้ทุกวัน  ยอมจนลืมศักดิ์ศรี
ที่เคยมีมานานแสนนาน
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

ทำอะไรเพื่อเธอได้ทุกอย่าง

แต่ว่าเธอไม่ต้องการ
กลับเบื่อด้วยซ้ำ

จะรักทำไมให้เจ็บให้ช้ำ
รักทำไมให้เหนื่อยให้ล้า
อยู่กันไปก็เปลืองเวลา  ก็มีแต่ทุกข์ในใจ
ที่เขาดีดีทำไมไม่รัก  รักทำไมแต่คนไม่ดี
จะมัวทนอย่างนี้ทำไม  ทำไมอยู่
จะทนเพื่ออะไร  มีแต่เสียใจ

เธอมีดีอะไร  ถึงต้องคอยให้ความสำคัญ
ไม่อาจตอบ
กับใครได้เลย
พยายามจะมองหาบางอย่าง
แต่ไม่เคยพบสักอย่าง  ให้ตอบใคร ๆ
 
จะรักทำไมให้เจ็บให้ช้ำ

รักทำไมให้เหนื่อยให้ล้า
อยู่กันไปก็เปลืองเวลา  ก็มีแต่ทุกข์ในใจ
ที่เขาดีดีทำไมไม่รัก  รักทำไมแต่คนไม่ดี
จะมัวทนอย่างนี้ทำไม  ทำไมอยู่
จะทนเพื่ออะไร  มีแต่เสียใจ

 
 
จะรักทำไมให้เจ็บให้ช้ำ

รักทำไมให้เหนื่อยให้ล้า
อยู่กันไปก็เปลืองเวลา  ก็มีแต่ทุกข์ในใจ
ที่เขาดีดีทำไมไม่รัก  รักทำไมแต่คนไม่ดี
จะมัวทนอย่างนี้ทำไม  ทำไมอยู่
จะทนเพื่ออะไร  มีแต่เสียใจ
 
 
 
 
 

ผมพูดอะไรไม่ถูกในเช้าวันนั้น วันที่ผมได้ยินคำที่บอกว่าให้เราเลิกกัน…
 
ผมไม่เข้าใจ ว่าผมทำอะไรผิด ความรักของผมเป็นเรื่องผิดหรือ? ความรักของผมเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการอีกต่อไป ใช่มั้ย?
 
ความเจ็บปวดของการได้รับสถานะบางอย่าง สถานะที่เปลี่ยนจากคนรัก  เป็นคนที่เคยได้รักเธอ เป็นแค่คนที่เธอไม่ต้องการ น้ำตาผมไม่ไหล
แต่ใจผมท่วมไปด้วยความเศร้า คนที่เธอเคยโอบกอด คนที่เธอเคยกระซิบข้างหู ว่ารัก… เธอจะรักผมคนเดียว… มันเป็นแค่คำที่ผ่านไป ผ่านไปแล้ว…
 
วันเก่าๆที่ผ่านมา อาจจะไม่นานนัก มันไม่ได้ทำให้เธอลืม ความดีที่ทำไป มันไม่ได้ทำให้เธอจำ
มันเทียบไม่ได้กับวันเวลายาวนาน ที่เขาทำร้ายเธอ ความเลวที่เขาทำมันกลับฝังแน่นในใจเธอมากกว่า…
 
เป็นคนดี เพื่ออะไรหรือ…
เป็นคนดี เพื่อจะไม่มีใครใช่มั้ย…
เป็นคนดี เพื่อไม่เหลือทางให้ตัวเองเดินงั้นหรือ…
 
ผมไม่รู้ ไม่เข้าใจ และ ตอบไม่ได้
 
เคยมีคนมากมายพร่ำบอกคำโง่ที่ว่า ผู้หญิงรักคนเลว ผมไม่เคยเชื่อ…
วันนี้ผมเริ่มสั่นๆกับความเชื่อมั่นซะแล้วซิ
 
มันคงจริงที่ผ้าขาวผืนหนึ่ง โดนสีดำละเลงทำร้าย มันเลยสูญเสียความบริสุทธิ์สดใสที่ขาวนวลไป
เมื่อสีอื่นๆพยายามทุ่มเทตัวเอง ลบเลือนความดำอันน่ารังเกียจนั้น มันก็ไม่สามารถไปลบกลบสีดำให้หมดไปได้
มันอาจจะทำให้สีดำดูจางลง แต่มันกลับไปกดสีดำให้จมลึกลงไปในเนื้อผ้า อย่างไรก็ตามสีดำมันก็ครอบครองผ้าขาวไปแล้ว…
 
ความดีที่ทุ่มไป… มันเลยสู้ไม่ได้กับความเลวที่ฝังแน่น
เรื่องจริง?
จริงแท้แน่นอน…
 
จะว่าไปโทษใครไม่ได้หรอก…
คนที่ผิดคนเป็นผม ผมผิดที่รักเธอ ผมผิดที่อยากช่วยเธอ ผมผิดที่มั่นใจตัวเองมากไป…
มั่นใจว่า จะทำให้เธอลืมได้
ผมเข้าใจไปเอง… คนเดียว
 
ผลลัพท์ของการคำนวนทุกอย่างคนเดียว
ก็คือผลลัพท์ที่ต้องอยู่กับคำตอบคนเดียว
คำตอบที่ว่า ผมต้องอยู่คนเดียว
ในขณะที่เธอ เลือกจะกลับไป กลับไปเจ็บช้ำอีกครั้ง
 
ทำไม…
ทำไมคุณถึงจดจำแต่เรื่องร้ายๆ
ทำไมคุณยังต้องกลับไปเพื่อเจ็บช้ำ
ทำไมคุณถึงไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้กับคนที่รักคุณ
ทำไม…
 
วันเวลาผ่านไป ผมได้เรียนรู้เพิ่มเติม
โลกนี้เป็นโลกนี้เป็นโลกแห่งการเรียนรู้ เราไม่มีวันจะเข้าใจทุกอย่าง เมื่อเราเข้าใจ 1 อย่าง เราจะพบว่าเหลืออีก 100 อย่างที่เราไม่เข้าใจ
 
 
วันนี้ผมเรียนรู้ว่า บางครั้ง ความดี ไม่ได้ช่วยอะไร 
 
 

โตขึ้นอีกนิด

หน้าจอคอมชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งลง ใช้เวลาว่างประมาณ 15 นาที ก่อนเดินทางไปประชุม เข้ามาขีดเขียนเรื่องราวอะไรบางอย่าง…
 
เรื่องมันมีอยู่ว่า…
 
ผมผ่านอะไรมาหลายอย่าง อาจจะไม่มากเท่าหลายๆคน แต่ผมว่ามันก็ไม่น้อยสำหรับอายุเท่านี้
 
…ผมว่าผมโตขึ้นอีกนิดนึงล่ะ จากเด็กคนหนึ่งที่ชื่นชอบการทำกิจกรรม และกล้าแสดงออก (ในสิ่งที่ควรแสดง…นะ) ได้รับโอกาสให้ทำกิจกรรมมากมายทั้งในสมัยมัธยม จนกระทั่งในมหาวิทยาลัย หลายๆคนคิดว่าชีวิตผมดูสวยงาม ทำอะไรก็เหมือนจะดูสำเร็จ แต่กว่าที่ผมจะสำเร็จได้ผมบอกเลยว่า ผมพลาดมามากกว่าที่หลายๆคนคิด เพียงแต่ผมรีบลุก และกล้าเริ่มใหม่เร็วมากกว่าคนอื่น
 
จากชั่วโมงหนึ่งที่ทำงานได้เงินเพียงร้อยกว่าบาท มันก็เพิ่มเป็นชั่วโมงละพันกว่าบาท ชั่วโมงละสามพักกว่าบาท จนวันนี้มันก็เยอะกว่านั้นนิดหน่อยขอไม่บอกละกัน
 
ความรับผิดชอบมันก็มีมากตามไปด้วย ความเหนื่อยจากงานมันก็ไปสะสมอยู่ที่ปลายหางตา และก็ลามเข้าไปบ้างที่หัวใจ เหนื่อย… แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมไม่ต้องตัวเบาทุกสิ้นเดือน ผมชอบที่จะเป็นอย่างนี้ซะแล้วล่ะ ผมว่า…
 
เวลา 25 ปีที่ผ่านมา ไม่มากเมื่อเทียบกับคนที่อยากจะบอกว่าตัวเองเกิดก่อนผม
 
…มันทำให้ผมรู้ว่า คำว่า เพื่อน แปลได้หลายความหมาย บางครั้งมันยิ่งใหญ่ แน่นอน บางครั้งไม่เลย…
…มันทำให้ผมรู้ว่า เงินน่ะ มันหามายาก แต่ถ้าคิดจะเก็บมันก็ไม่ยากนักหรอก…
…มันสอนให้ผมรู้ว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไร ที่ขายไม่ได้ เพียงแต่ว่า เราต้องหาคนซื้อเจอเท่านั้น…
…มันสอนให้ผมรู้ว่า ผมมีบ่าที่เข้มแข็งขึ้น แบกรับอะไรได้หลายอย่างมากขึ้น หากหัวใจผมเข้มแข็งขึ้น…
 
มากมายนัก มากมายจนเกินจะนำมาเล่าให้น่าเบื่อ
 
มีคนถามผมว่า ทำไมต้องบ้างาน
 
ผมตอบ
 
ลองมาเลี้ยงครอบครัวที่ไม่มีรายได้มาหลายปีซิ
 
ผมโดนถามต่ออีกว่า อะไรไม่มีเงินเก็บเลยเหรอ
 
ผมตอบ
 
ลองให้แม่คุณมาป่วยหนัก ไม่รู้สึกตัวมา 2 ครั้ง ทุกๆคนคิดว่าจะเสียเธอไปแล้ว ตับเธอทำงานไม่ถึง 70 เปอร์เซนต์ และยังเป็นโลหิตจาง เงินที่เก็บจะเหลือได้แค่ไหน
 
ผมโดนซักอีกว่า มันแย่ขนาดนั้นจริงเหรอ
 
ผมไม่ตอบ แค่ยิ้ม หันหลัง และเดินหนีไป
 
…หลายปีหลังมานี้ ผมเรียนรู้กฎบางอย่างในชีวิตของผมอีกข้อหนึ่ง…
 
"ถ้าเราไม่เริ่มเข้าร่วมในการแข่งขันใดๆ เราจะไม่แพ้การแข่งขัน!!"
 
ไม่เป็นไรๆ ผมลงแข่งในเกมส์ไปบ้างแล้วล่ะ แพ้เยอะซะด้วยซิ โดยเฉพาะนะ เรื่องโง่ๆน่ะ ควมรักไง แพ้บ่อยด้วยพักหลังนี้
 
เกมส์หลังสุด ผมวางเดิมพันไปเกือบหมดตัว ไม่น่าเชื่อ ผมแพ้ล่ะ ยิ้ม…แทบตาย
ไม่เคยคิดเลยว่าจะแพ้… อีก เพราะผมเล่นไปอย่างมั่นใจที่สุดแล้วนะ แพ้ล่ะ
 
แต่รู้มั้ยว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น
 
ผมโตขึ้นล่ะ 
 
โตขึ้นอีกนิด…
 
เวลาของการประชุมดำเนินมาถึง ชายหนุ่มคนเดิมจึงต้องเขยิบตัวกด publish แล้วก็ อืม… ไปดำเนินชีวิตของเขาต่อน่ะ
 
เขาอยากจะโตขึ้นอีกนิดตอนนอนคืนนี้…

คำถามที่ต้องตอบ…

ฉันไม่อยากจะตอบคำถามที่เค้าถามกัน
ว่า ทำไม เธอ ไปจากฉัน เพราะอะไร?
รักมากมาย
ใครๆก็รู้
ทำไม ตอนสุดท้าย
…ถึงได้เลิกกัน

พูดตรงๆมันลืมไปแล้วไม่ได้สนใจ หากมันเป็นเวลาเลวร้ายฉันไม่จำ
เลือกจะจำแค่เพียงเท่านี้ วันเวลาที่ดีกับเธอเท่านั้น

… แต่ก่อนมีเธอใกล้สุขใจแค่ไหน แต่ก่อนรักกันยังไง เธอกับฉันพบกันที่ไหน
ถ้าหากเค้าถามว่ารักเธอมากแค่ไหน
…คือสิ่งที่ฉันอยากตอบ
วันที่เธอเลิกไปฉันไม่อยากจำ

จะเก็บรอยยิ้มของเธอ จะเก็บเธอไว้ในใจ จะจำว่าในครั้งหนึ่งเธอเคยรัก
จะเก็บความรักของเธอ จะเก็บเอาไว้อย่างนี้ มันมีความหมายเหลือเกิน

พูดตรงๆมันลืมไปแล้วไม่ได้สนใจ หากมันเป็นเวลาเลวร้ายฉันไม่จำ
เลือกจะจำแค่เพียงเท่านี้ วันเวลาที่ดีกับเธอเท่านั้น

… แต่ก่อนมีเธอใกล้สุขใจแค่ไหน แต่ก่อนรักกันยังไง เธอกับฉันพบกันที่ไหน
ถ้าหากเค้าถามว่ารักเธอมากแค่ไหน
ถ้าอยากรู้ว่าทำไม นั่นแหละที่สิ่งที่ฉันจะตอบคำถาม
วันที่เธอเลิกไปฉันไม่อยากจำ

 
 
กี่ปีแล้วนะ นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ลมหนาวพัดเข้ามากระทบกายผม วันที่ลมหนาวพัดเข้ามาสัมผัสจิตใจ…
 
ผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ซินะ ผมยังคงรู้สึกว่าเรื่องราวทุกๆอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มันยังชัดเจนดี… ทุกๆอย่าง ไออุ่นจากตัวของคุณ ริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม เสียงกระซิบที่แผ่วเบา และกลิ่นกายที่หอมเหมือนดอกไม้แรกแย้ม …มันเหมือนว่าทุกๆอย่างยังอยู่ตรงนี้ พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ …วันที่ผมยังมีคุณเดินอยู่ข้างๆ
 
ถนนยังคงทอดไปในทิศทางเดิม ผมยังต้องเดินผ่านมันอยู่ทุกวัน
ป้ายรถเมล์ก็ยังตั้งอยู่ตรงนั้น ผมยังเผลอมองมันบ่อยๆทุกๆครั้งที่เดินผ่าน
ร้านอาหารที่เราเคยเข้าไป ก็ยังดำเนินตัวมันอย่างเชื่องช้าอยู่จนถึงทุกๆวันนี้
 
…แปลกดี ทุกๆอย่างยังอยู่เหมือนเดิม มีแค่สิ่งเดียวที่เปลี่ยน สิ่งนั้นคือคำว่า เรา
 
แปลกมั้ยที่วันนี้เราไม่มีคำว่าเราอีกแล้ว …ผมจำไม่ได้ซะแล้วซิว่าเพราะอะไร ผมเคารพการตัดสินใจของคุณเสมอๆ ผมรู้ว่าที่คุณไป คุณมีเหตุผล คุณมีความฝัน ซึ่งคุณเชื่อว่าคำว่า เรา จะดึงรั้งทุกๆอย่างเอาไว้ คุณเลยเลือกความฝันแทนที่จะเลือกคำว่า เรา
 
มีคนถามผมมากมายว่าโกรธมั้ยที่คุณเห็นแก่ตัวทิ้งผมไปเพราะความดื้อของตัวคุณเอง …ผมตอบว่าไม่ ผมไม่โกรธคุณเลย ผมรักคนรักของผม เคารพในสิ่งที่เขาอยากจะทำ เคารพในสิ่งที่เขาตัดสินใจ
 
มีคนถามผมมากมายว่าโกรธมั้ยที่คุณทำแบบนี้ ทั้งๆที่ผมเสียสละอะไรๆให้คุณมากมายขนาดนั้น …ผมตอบว่าไม่ ผมไม่รู้ว่าคุฯรู้หรือไม่ว่าผมทำอะไรเพื่อคุณไปบ้าง ถูกแล้วล่ะ ก็ผมไม่เคยคิดจะบอกคุณเลย ผมเชื่อว่าทุกๆอย่างที่ผมทำลงไปนั้นผมทำเพื่อคุณ คนที่ผมรัก ผมไม่อยากเรียกร้อง ผมแค่อยากทำให้คุณเพียงเท่านั้น…
 
ผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ซินะ ผมยังคงรู้สึกว่าเรื่องราวทุกๆอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มันยังชัดเจนดี… ทุกๆอย่าง ไออุ่นจากตัวของคุณ ริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม เสียงกระซิบที่แผ่วเบา และกลิ่นกายที่หอมเหมือนดอกไม้แรกแย้ม …มันเหมือนว่าทุกๆอย่างยังอยู่ตรงนี้ พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ …วันที่ผมยังมีคุณเดินอยู่ข้างๆ
 
ผมหยิบสมุดบันทึกเก่าๆเล่มหนึ่งมาเปิดดู ทำไมมันยังมีแต่เรื่องของคุณนะ นับตั้งแต่วันนั้น วันที่คุณจากไป ทุกๆหน้าที่ผมจรดปากกาลงขีดเขียน มันก็เป็นเรื่องของคุณ เปิดย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นอดีตของวันทุกวันก็ถูกคุณยึดพื้นที่ครอบครองไปซะหมด… จนผมแทบจะสังเกตุเห็นได้เลยว่า ผมแทบจะไม่เหลือที่ให้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ… ทำไมกันนะ แปลกดี เพราะความรักเหรอ…
 
…วันนี้คุณหายไปไหนนะ
 
ผมยังเดินไปบนถนนเส้นเดิมๆ ป้ายรถเมล์ ร้านค้า มันก็ยังอยู่ที่เดิม ใจของผมมันก็อยู่ที่เดิม ภาพคุณในใจผม มันก็ยังอยู่ที่เดิม แต่ตัวคุณล่ะ อยู่ที่ไหนกันนะ …คุณรู้มั้ยว่าวันเวลาที่ผ่านไปนั้น มันผ่านไปยากแค่ไหน วันที่ผมมีคำถามมากมายที่ต้องตอบ วันที่ผมตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร ผมตอบอะไรไม่ได้เลย เพราะว่าผมไม่เข้าใจ ผมไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าทำไมคุณจากไป จะรู้ก็เพียงแต่ว่าวันที่คุณเลิกไป …ผมไม่อยากจำ

Am I OK?

ตอนนี้ ทุกๆอย่างในชีวิตของผม มันกำลังวุ่นวายๆ ยอมรับว่ากำลังลังเลที่ต้องตัดสินใจอะไรหลายๆเรื่อง และพยายามจะตัดใจจากอะไรอีกหลายๆเรื่อง เมื่อเรื่องที่เล่าไว้คราวที่แล้ว ได้รับการอ่านจากเพื่อนๆ คำถามหลายๆอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองของผมที่แน่นไปด้วยความเหนื่อยล้า ประเด็นของคำถามก็คือว่า เรารับรู้ความรู้สึกของตนเองเสมอๆเวลาเราเจอเรื่องอะไร แต่เราเคยคิดบ้างมั้ยว่าคู่กรณีของเรา (เรียกคู่กรณีละกันนะครับ) เขาจะรู้สึกอย่างไร… ผมยอมรับเลยว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังคิดอยู่เลยว่าหลายๆครั้ง คนที่เข้ามาอ่านเรื่องที่ผมขีดเขียนขึ้น จะรู้สึกอย่างไร…
 
ไม่สำคัญอยู่ดี ไม่เป็นไร เรื่องต่างๆที่ผมขีดเขียนขึ้นมานั้น ผมไม่ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง และผมก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นเองที่แต่งขึ้น มันเป็นแค่เรื่องที่ผมอยากจะเขียนขึ้นมาเท่านั้น…  ตัวละครบางตัวก็วิ่งเล่นอยู่ในชีวิตผมจริงๆ ตัวละครบางตัวตายจากไป ตัวร้ายในเรื่องบางครั้งกลับกลายเป็นคนที่แสนดี แต่ความโหดร้ายในเรื่องผม… ส่วนมากจะจริง!!!
 
ตอนนี้ผมสบายดี ทั้งใจและกาย ผอมลง หัวโตขึ้น และหัวใจก็เริ่มอุ่นๆ มีงานที่ต้องทำเพิ่มมากขึ้น มีความรับผิดชอบให้แสดงเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จะแสดงคุณค่าความเป็นตัวเองอีกหลายหน่วย… โดยรวมเรียกว่า Totally Okay!!! วันนี้เอาผมงานของนักเขียนน้องใหม่ในสำนักพิมพ์ของผมมาให้อ่านกัน ลองอ่านดูครับ
 
ปล.ใครไม่ได้อ่านบล็อคที่แล้ว ต้องอ่านก่อนนะครับ จะได้เข้าใจครับ 🙂
 

ในวันที่เขาได้พบกับเธออีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกลึกซึ้งก็เกิดขึ้นมาโดยทันทีที่ข้างใน

ช่างเหมือนวันเก่า เหมือนวันที่เขานั่งเหม่อ เหมือนวันที่เขาเจอะกับเธอใหม่ๆ

ในวันที่ฉันได้พบเขาอีกครั้งหนึ่ง ความหลังลึกซึ้งก็หวนเข้ามาในความทรงจำ
ภาพวันเก่า ๆ ภาพวันที่ฉันแอบมองเขานั่งเหม่อ วันที่ฉันเจอกับเขาครั้งแรก

 

และไม่เคยคาดคิดว่าไม่ได้เจอกันตั้งนาน และเธอ ไม่เคยเลือนลางจากหัวใจ

ยังคง แอบหลงรักเธอเหมือนวันก่อนๆ จน เขา แทบซ่อน ไว้ ไม่ ไหว

เพราะไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอกันอีก ไม่ได้ตระเตรียมคำถามและคำตอบ
ถึงแม้ใจจะยังชอบ แต่ก็ต้องตอบแบบซ่อนความใน

 

เลยมี แค่ คำถามโง่ๆปิดบังเรื่องที่ซ่อนในใจ

ไม่ได้ลึก ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สม ความคิด ถึงที่เก็บไว้

สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า

อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

เขาถามฉัน

สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า

….คนบ้า ก็เห็นอยู่ว่าเดินมาคนเดียว แล้วยังจะถามอีก

 

พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า

กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

แกล้งทำเป็นยกมือขึ้นเพื่อทำเป็นดูนาฬิกา

ทำเป็นมองท้องฟ้าและพูดออกมาว่าถึงเวลาที่ต้องไป

ทั้งที่ใจเขานั้นบอก ว่าที่จริงเขานั้นอยากอยู่ ยืนเคียงคู่อยู่กับเธอใกล้ๆ

เขามองนาฬิกา บอกว่าถึงเวลาไป

….เขาทำใจฉันสั่นไหว อยากรั้งเอาไว้แต่ไม่กล้าพอ

 

 

 

 

ปลายเดือนเมษายน …หรือไม่ก็ต้นเดือนพฤษภาคมปี 1997

ปลายเดือนเมษายนเอ๊ หรือว่าต้นพฤษภาคมปี 97 กันนะ

เขาพบผู้หญิงคนหนึ่งเขาอายุ 16 ปี เธออายุ 14 ปี เขาเฝ้ามองเธอห่างๆอยู่นาน จนวันหนึ่ง วันที่อากาศเป็นใจ ท้องฟ้าโปร่ง แต่ไม่ร้อน ที่ฝรั่งเศส ที่ปารีส ที่หอไอเฟล ที่สถานที่แห่งนั้น เขาบอกรักเธอ เธอบอกว่าเธอรู้ และเธอก็ชอบเขาเช่นกัน ทั้งคู่เป็นแฟนกัน…

ฉันอายุ 14 ปี ส่วนเขาอายุ 16  ฉันแอบดูเขาที่เฝ้ามองฉันอยู่นาน ใจก็อยากเข้าไปทักก่อนแต่ก็ไม่กล้าพอ จนวันหนึ่งที่อากาศสดใส ท้องฟ้าเป็นใจให้ความรัก ที่สถานที่แห่งนั้น ที่หอไอเฟล เขาบอกรักฉัน ฉันบอกว่าฉันรู้และฉันก็ชอบเขาเช่นกัน เราเป็นแฟนกัน 

 

กลางปี 1997

 

เพียงไม่นาน เวลาแห่งความสุขของเธอ และเขาจบลง ไม่ใช่เพราะเธอ แต่เป็นเพราะเขา เขาทำร้ายเธอ ด้วยความเป็นตัวเขา ตัวเขาที่ไม่เคยแก้หาย ทิฐิแห่งความเป็นเขา ทุกๆอย่างแห่งความเป็นเขา …ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทั้งคู่ เคยให้คำสัญญากัน เขาจะเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นที่ 1 ของประเทศ เธอก็จะเข้าโรงเรียนมัธยมที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ เขาจะเข้าเรียนในคณะบริหารธุรกิจ เพราะอยากเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เธอจะเข้าสายวิทย์ เพื่อจะเป็นวิศวกร เหมือนคุณพ่อของเธอ แล้วเธอก็จะเข้ามาอยู่มหาวิยาลัยเดียวกันกับเขา เพื่อจะได้เจอกันมากขึ้น… ความฝันเด็กๆจบลง …เขาเป็นคนทำลาย

 

กลางปี 97

เพียงไม่นานเขาก็เปลี่ยนไป เวลาแห่งความสุขของเราจบลง ฉันทำอะไรผิด เขาทำร้ายฉันทำไม ก่อนหน้านั้นเราสัญญากันยิ่งใหญ่ เขาจะเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ ฉันก็จะเข้าโรงเรียนมัธยมอันดับ 1 ของแระเทศด้วยเช่นกัน เขาจะเรียนบริหารส่วนฉันต้องการเป็นวิศวะ แล้วฉันก็จะพยายามเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเขาเพื่อที่เราจะได้เจอกันมากขึ้นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของฉันจบลงและเขาเป็นคนทำลาย

 

ปี 1998 – 1999

 

เขาไม่เคยลืมเธอได้ แต่เขาก็ไม่อาจจะหยิบโทรศัพท์โทรไปหาเธอ ด้วยความเป็นตัวเขา ตัวเขาที่ไม่เคยแก้หาย ทิฐิแห่งความเป็นเขา ทุกๆอย่างแห่งความเป็นเขา …เหมือนเธอหายไปจากชีวิตเขา แต่เธอไม่เคยหายไป… เขาเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศได้ เขาได้เรียนในคณะที่อยากเรียน เธอ… เขาไม่รู้ แต่เขาเชื่อลึกๆว่าเธอ ทำได้

 

ปี 98-99

ฉันพยายามจะลืมเขา ฉันมองโทรศัพท์หลายครั้งเพราะหวังว่าเขาจะโทรมา

…โทรศัพท์ไม่เคยดัง ฉันได้แต่หวังไปคนเดียว

วันประกาศผลเอนทรานซ์มาถึง ฉันมองหาชื่อนามสกุลเขาที่บอร์ด

ฉันเชื่อ…เขาทำได้…และฉันก็ทำได้เช่นกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปี 2000

 

เธอเริ่มกลับเข้ามามีชีวิตอีกครั้งในชีวิตของเขา เพื่อนสนิทของเขา เป็นเพื่อนกับพี่สาวของเธอ …เขาพยายามไม่ซักถามอะไรมากมาย เขายังไม่อยาก ไม่กล้า และ ด้วยความเป็นตัวเขา ตัวเขาที่ไม่เคยแก้หาย ทิฐิแห่งความเป็นเขา ทุกๆอย่างแห่งความเป็นเขา …เหมือนเธอหายไปจากชีวิตเขา แต่เธอไม่เคยหายไป… อย่างที่เขาเชื่อ เธอทำสำเร็จ เธออยู่ในโรงเรียนมัธยมอันดับ 1 ของประเทศ แต่เธอเลือกที่จะไปอยู่ที่อเมริกา 1 ปี เขาไม่อยากเทียบเวลาดูเลยว่า ปีที่เธอจากไปนั้น เป็นปีที่เขาทำร้ายเธอรึเปล่า …เขาเริ่มกลัว…

 

ปี 2000

ไม่น่าเชื่อ! เพื่อนสนิทของเขาเป็นเพื่อนกับพี่สาวฉันฉันถามถึงเขาตลอดเวลา อยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา แต่เพื่อนของพี่สาวฉันบอกว่าเขาไม่เคยถามถึงฉันเลย เขาลืมฉันไปเสียแล้ว ฉันหายไปจากชีวิตเขาแล้วจริง ๆ ถึงจะสอบเข้าโรงเรียนอันดับ 1 ได้ก็ไม่สำคัญอะไรเลย ฉันเลือกที่จะไปอยู่อเมริกา 1 ปี ปีที่ฉันจากไปเป็นที่ฉันปวดร้าวใจที่สุด

 

ปี 2001

เขาพยายามลบเธออีกครั้ง แต่ตัวตนที่มีชีวิตชีวาของเธอเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอเหมือนว่าไม่เคยจากไปไหน… เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน…

 ปี 2001

ฉันพยายามลืมเขาอีกครั้ง…แต่ใจยังทำไม่ได้

เดือนพฤษภาคม 2002

 

โทรศัพท์สายหนึ่งจากเพื่อนเขาโทรเข้ามากลางดึก เขารับสาย ปลายทางบอกกับเขาว่า เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเขาได้ เขาเชื่ออยู่แล้วว่าเธอทำได้ เธอจะเป็นวิศวกรสาวที่เก่งที่สุด เขาคิด ปลายสายบอกว่าเปล่า เธอเข้าคณะเดียวกันกับเขาต่างหาก… เขาเริ่มทำอะไรไม่ถูกหลังวางสาย เขาหาเบอร์โทรศัพท์บ้านเธอเจอจากสมุดโทรศัพท์เก่าๆที่เขาเก็บลึกในลิ้นชัก เขาโทรหาเธอ… เสียงปลายสายที่ไม่ได้ยินมานานเกือบ 6 ปี เขาเริ่มถาม "คำถามโง่ๆ" กับเธอ

 

เดือนพฤษภาคม 2002

ฉันละทิ้งความฝันที่จะเป็นวิศวกรตามพ่อ ฉันเลือกเข้าคณะเดียวกับเขา

คืนวันประกาศผลเอนทรานซ์ โทรศัพท์ที่หัวเตียงดัง…ใครนะโทรเข้าบ้านตอนดึก ๆ

เป็นเขานั่นเองที่โทรมา! เสียงปลายสายที่ไม่ได้ยินมานานเกือบ 6 ปี

ฉันตอบคำถามเขาอย่างใจลอย ใจนึกอยากชวนเขาพูดคุยแต่กลับไม่มีเรื่องจะพูดได้ยาว

 จะชวนพูดคุยเรื่องอะไรก็กลัวความคิดถึงในใจมันถูกเผยออกมา

 

คำถามโง่ๆปิดบังเรื่องที่ซ่อนในใจ ไม่ได้ลึก ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สม ความคิด ถึงที่เก็บไว้

 

สบายดีไหม ทำอะไรอยู่ จำพี่ได้มั้ย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

 

พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

 

เขาได้แต่ตะกุกตะกัก พูดจาโง่ๆ และก็พูดแสดงความยินดีซ้ำไป ซ้ำมาอยู่อย่างนั้น…

 

ปีนั้นทั้งปี หลังจากเธอเข้ามาเรียนคณะเดียวกันกับเขา เหมือนว่าทุกๆอย่างเป็นโชคชะตากลั่นแกล้ง เธอกับเขามักจะได้เจอกันอยู่เรื่อยๆ สิ่งที่เขาทำ ก็มีแต่เพียงถามอะไรโง่ๆอยู่ซ้ำไปซ้ำมา… 1 ปีที่ได้อยู่ร่วมคณะเดียวกัน เขามีความสุข ไม่รู้ว่าเธอมีความสุขรึไม่?

ไม่รู้ว่าสวรรค์กลั่นแกล้งหรือโชคชะตาเล่นตลก ปีนั้นทั้งปีไม่ว่าฉันไปไหนก็พบแต่เขา เรามักเจอกันอยู่เรื่อย ๆ ปีหนึ่งที่ได้อยู่ร่วมคณะเดียวกัน ฉันมีความสุขแต่ไม่รู้ว่าเขาจะมีความสุขหรือเปล่านะ

 

เดือนพฤษภาคม 2003

 

เขากำลังทำรายชื่อเพื่อโทรเชิญคนมาถ่ายรูปงานรับปริญญา เขาไม่ใส่ชื่อเธอ เพราะเขาไม่อยากให้ตัวเองทำอะไรโง่ๆอีก เขากำลังจะลบเธออีกครั้ง… จนแล้วจนรอด เขาก็เจอเธอในงานรับปริญญาจนได้… เธอถ่ายรูปกับเขา เขาเป็นบัณฑิต เธออยู่ปี 2 เขาเลือกที่จะหายไปจากชีวิตเธอ แทนที่จะลบเธออกไปจากชีวิตเขา ใจจริงเขาอยากดึงเธอมากอดไว้ แต่เขารู้ว่า ตอนนี้ ในเวลานี้ มันเป็นไปไม่ได้…

 

เดือนพฤษภาคม 2003

วันนี้เป็นวันรับปริญญาของเขา ฉันอยู่ปี 2 ฉันตื่นแต่เช้าไปงานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัย ฉันเฝ้าแอบมองดูเขาถ่ายรูปกับใคร ๆ ในใจเฝ้าคิด ทำไมนะคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาตอนนี้ถึงไม่ใช่ฉัน …ฉันรวบรวมความกล้าถือดอกไม้ที่เลือกซื้ออย่างตั้งใจไปแสดงความยินดีกับเขา เราถ่ายรูปด้วยกัน เขายืนใกล้ฉันแต่ใจเรานั้นห่างกันแสนไกล

25 วันที่แล้ว…

 

งานรับปริญญาของเธอ เขาไม่เจอเธอ เขาหาเธอไม่เจอ เขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์เธอ… ทั้ง 2 ไม่ได้เจอกัน เขาได้แต่คิดยินดีกับเธออยู่ในใจ ยินดีด้วยนะ เธอที่แสนดี…

25 วันที่แล้ว…

งานรับปริญญาของฉัน อยากให้เขามาใจแทบขาด แต่เบอร์โทรศัพท์เขาก็ไม่มี …ใคร ๆ ต่างยินดีที่ฉันเรียนจบ…ข้างนอกยิ้มสดใสแต่ข้างในเศร้าใจจนอยากร้องไห้

 

24 วันที่แล้ว

 

งานรับปริญญาวันที่ 2 เขาไปงานอีกวันหนึ่ง ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีก ไม่แม้แต่ฝัน แต่… หน้าคณะวิศวะ เขา เจอ เธอ… เขาถามคำถามโง่ๆอีกครั้ง

 

คำถามโง่ๆปิดบังเรื่องที่ซ่อนในใจ ไม่ได้ลึก ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สม ความคิด ถึงที่เก็บไว้

 

สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า

อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

 

พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

 

เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขากล้าพอที่จะนำเธอกลับมาในชีวิต

 

เขาขอเบอร์โทรศัพท์เธอ…

24 วันที่แล้ว…

งานรับปริญญาวันที่ 2 ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเขาแต่เราก็ได้พบกัน

หน้าคณะวิศวะ เขาถามคำถามที่เคยถามเสมอเวลาที่เราเจอกัน

…สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า

…คนบ้า..ถามคำถามเดิมอีกแล้ว…

ไม่เป็นไร ตอบเหมือนเดิมทุกครั้งนั่นแหละ…ก็มันคิดไม่ออกนี่นา

เจอเขาทีไรใจก็หวิว ๆ อยากพูด อยากคุยให้มาก ๆ ก็ไม่กล้า

กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผย

แต่วันนี้…

ฉันให้เบอร์โทรศัพท์เขาด้วยล่ะ…

คำถามโง่ๆ

ในวันที่เขาได้พบกับเธออีกครังหนึ่ง ความรู้สึกลึกซึ้งก็เกิดขึ้นมาโดยทันทีที่ข้างใน
ช่างเหมือนวันเก่า เหมือนวันที่เขานั่งเหม่อ เหมือนวันที่เขาเจอะกับเธอใหม่ๆ

และไม่เคยคาดคิดว่าไม่ได้เจอกันตั้งนาน และเธอ ไม่เคยเลือนลางจากหัวใจ
ยังคง แอบหลงรักเธอเหมือนวันก่อนๆ จน เขา แทบซ่อน ไว้ ไม่ ไหว

เลยมี แค่ คำถามโง่ๆปิดบังเรื่องที่ซ่อนในใจ
ไม่ได้ลึก ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สม ความคิด ถึงที่เก็บไว้

สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า
อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า
กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

แกล้งทำเป็นยกมือขึ้นเพื่อทำเป็นดูนาฬิกา
ทำเป็นมองท้องฟ้าและพูดออกมาว่าถึงเวลาที่ต้องไป
ทั้งที่ใจเขานั้นบอก ว่าที่จริงเขานั้นอยากอยู่ ยืนเคียงคู่อยู่กับเธอใกล้ๆ

 
และไม่เคยคาดคิดว่าไม่ได้เจอกันตั้งนาน และเธอ ไม่เคยเลือนลางจากหัวใจ
ยังคง แอบหลงรักเธอเหมือนวันก่อนๆ จน เขา แทบซ่อน ไว้ ไม่ ไหว

เลยมี แค่ คำถามโง่ๆปิดบังเรื่องที่ซ่อนในใจ
ไม่ได้ลึก ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สม ความคิด ถึงที่เก็บไว้

สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า
อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า
กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า
อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า
กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

 
ปลายเดือนเมษายน …หรือไม่ก็ต้นเดือนพฤษภาคมปี 1997
 
เขาพบผู้หญิงคนหนึ่งเขาอายุ 16 ปี เธออายุ 14 ปี เขาเฝ้ามองเธอห่างๆอยู่นาน จนวันหนึ่ง วันที่อากาศเป็นใจ ท้องฟ้าโปร่ง แต่ไม่ร้อน ที่ฝรั่งเศส ที่ปารีส ที่หอไอเฟล ที่สถานที่แห่งนั้น เขาบอกรักเธอ เธอบอกว่าเธอรู้ และเธอก็ชอบเขาเช่นกัน ทั้งคู่เป็นแฟนกัน…
 
กลางปี 1997
 
เพียงไม่นาน เวลาแห่งความสุขของเธอ และเขาจบลง ไม่ใช่เพราะเธอ แต่เป็นเพราะเขา เขาทำร้ายเธอ ด้วยความเป็นตัวเขา ตัวเขาที่ไม่เคยแก้หาย ทิฐิแห่งความเป็นเขา ทุกๆอย่างแห่งความเป็นเขา …ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทั้งคู่ เคยให้คำสัญญากัน เขาจะเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นที่ 1 ของประเทศ เธอก็จะเข้าโรงเรียนมัธยมที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ เขาจะเข้าเรียนในคณะบริหารธุรกิจ เพราะอยากเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เธอจะเข้าสายวิทย์ เพื่อจะเป็นวิศวกร เหมือนคุณพ่อของเธอ แล้วเธอก็จะเข้ามาอยู่มหาวิยาลัยเดียวกันกับเขา เพื่อจะได้เจอกันมากขึ้น… ความฝันเด็กๆจบลง …เขาเป็นคนทำลาย
 
ปี 1998 – 1999
 
เขาไม่เคยลืมเธอได้ แต่เขาก็ไม่อาจจะหยิบโทรศัพท์โทรไปหาเธอ ด้วยความเป็นตัวเขา ตัวเขาที่ไม่เคยแก้หาย ทิฐิแห่งความเป็นเขา ทุกๆอย่างแห่งความเป็นเขา …เหมือนเธอหายไปจากชีวิตเขา แต่เธอไม่เคยหายไป… เขาเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศได้ เขาได้เรียนในคณะที่อยากเรียน เธอ… เขาไม่รู้ แต่เขาเชื่อลึกๆว่าเธอ ทำได้
 
ปี 2000
 
เธอเริ่มกลับเข้ามามีชีวิตอีกครั้งในชีวิตของเขา เพื่อนสนิทของเขา เป็นเพื่อนกับพี่สาวของเธอ …เขาพยายามไม่ซักถามอะไรมากมาย เขายังไม่อยาก ไม่กล้า และ ด้วยความเป็นตัวเขา ตัวเขาที่ไม่เคยแก้หาย ทิฐิแห่งความเป็นเขา ทุกๆอย่างแห่งความเป็นเขา …เหมือนเธอหายไปจากชีวิตเขา แต่เธอไม่เคยหายไป… อย่างที่เขาเชื่อ เธอทำสำเร็จ เธออยู่ในโรงเรียนมัธยมอันดับ 1 ของประเทศ แต่เธอเลือกที่จะไปอยู่ที่อเมริกา 1 ปี เขาไม่อยากเทียบเวลาดูเลยว่า ปีที่เธอจากไปนั้น เป็นปีที่เขาทำร้ายเธอรึเปล่า …เขาเริ่มกลัว…
 
ปี 2001
เขาพยายามลบเธออีกครั้ง แต่ตัวตนที่มีชีวิตชีวาของเธอเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอเหมือนว่าไม่เคยจากไปไหน… เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน…
 
เดือนพฤษภาคม 2002
 
โทรศัพท์สายหนึ่งจากเพื่อนเขาโทรเข้ามากลางดึก เขารับสาย ปลายทางบอกกับเขาว่า เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเขาได้ เขาเชื่ออยู่แล้วว่าเธอทำได้ เธอจะเป็นวิศวกรสาวที่เก่งที่สุด เขาคิด ปลายสายบอกว่าเปล่า เธอเข้าคณะเดียวกันกับเขาต่างหาก… เขาเริ่มทำอะไรไม่ถูกหลังวางสาย เขาหาเบอร์โทรศัพท์บ้านเธอเจอจากสมุดโทรศัพท์เก่าๆที่เขาเก็บลึกในลิ้นชัก เขาโทรหาเธอ… เสียงปลายสายที่ไม่ได้ยินมานานเกือบ 6 ปี เขาเริ่มถาม "คำถามโง่ๆ" กับเธอ
 
...คำถามโง่ๆปิดบังเรื่องที่ซ่อนในใจ ไม่ได้ลึก ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สม ความคิด ถึงที่เก็บไว้

สบายดีไหม ทำอะไรอยู่ จำพี่ได้มั้ย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

…พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

 
เขาได้แต่ตะกุกตะกัก พูดจาโง่ๆ และก็พูดแสดงความยินดีซ้ำไป ซ้ำมาอยู่อย่างนั้น…
 
ปีนั้นทั้งปี หลังจากเธอเข้ามาเรียนคณะเดียวกันกับเขา เหมือนว่าทุกๆอย่างเป็นโชคชะตากลั่นแกล้ง เธอกับเขามักจะได้เจอกันอยู่เรื่อยๆ สิ่งที่เขาทำ ก็มีแต่เพียงถามอะไรโง่ๆอยู่ซ้ำไปซ้ำมา… 1 ปีที่ได้อยู่ร่วมคณะเดียวกัน เขามีความสุข ไม่รู้ว่าเธอมีความสุขรึไม่?
 
เดือนพฤษภาคม 2003
 
เขากำลังทำรายชื่อเพื่อโทรเชิญคนมาถ่ายรูปงานรับปริญญา เขาไม่ใส่ชื่อเธอ เพราะเขาไม่อยากให้ตัวเองทำอะไรโง่ๆอีก เขากำลังจะลบเธออีกครั้ง… จนแล้วจนรอด เขาก็เจอเธอในงานรับปริญญาจนได้… เธอถ่ายรูปกับเขา เขาเป็นบัณฑิต เธออยู่ปี 2 เขาเลือกที่จะหายไปจากชีวิตเธอ แทนที่จะลบเธออกไปจากชีวิตเขา ใจจริงเขาอยากดึงเธอมากอดไว้ แต่เขารู้ว่า ตอนนี้ ในเวลานี้ มันเป็นไปไม่ได้…
 
25 วันที่แล้ว…
 
งานรับปริญญาของเธอ เขาไม่เจอเธอ เขาหาเธอไม่เจอ เขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์เธอ… ทั้ง 2 ไม่ได้เจอกัน เขาได้แต่คิดยินดีกับเธออยู่ในใจ ยินดีด้วยนะ เธอที่แสนดี…
 
24 วันที่แล้ว
 
งานรับปริญญาวันที่ 2 เขาไปงานอีกวันหนึ่ง ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีก ไม่แม้แต่ฝัน แต่… หน้าคณะวิศวะ เขา เจอ เธอ… เขาถามคำถามโง่ๆอีกครั้ง
 
...คำถามโง่ๆปิดบังเรื่องที่ซ่อนในใจ ไม่ได้ลึก ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สม ความคิด ถึงที่เก็บไว้

สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครรึเปล่า

อยากจะพูดคุยกับเธอให้นานที่สุด แต่กลับไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยได้ยาว

…พยายามคิด คิดสักเท่าไร ก็วนกลับไปได้แค่คำถามเก่า กลัวความรัก ความคิดถึง ที่ลึกซึ้ง ถูกเปิดเผยจากใจเขา

 
เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขากล้าพอที่จะนำเธอกลับมาในชีวิต
 
เขาขอเบอร์โทรศัพท์เธอ…
 
 

ทดลองทำอะไรใหม่ๆ

ทดลองสเปซอยู่ มันเหมือนย้ายบ้านแบบไม่รู้ตัว เหมือนถูกจับเข้าโรงเรียนประจำแบบไม่เต็มใจ
 
ตอนนี้ฉากหลังที่ใกล้เคียงที่สุดที่หาได้ก็คงเป็นอันนี้ มันก็โอเคสำหรับวันนี้… หลายๆอย่างเปลี่ยนๆไป
 
ได้ยินว่าบ้านอื่นๆก็ป่วนปั่นกันใหญ่ เพื่อนๆหลายๆท่านก็ตระเตรียมหาบ้านใหม่กัน ผมก็ยอมรับว่าเบื่อๆพาลๆไม่อยากแวะมาบ้านนี้เท่าไร… มันแปลกๆ โหลดก็ยาก แถมชอบแฮงค์อีกด้วย
 
ช่วงๆนี้ผมมีโอกาสได้ลองทำอะไรใหม่ๆหลายอย่างมากขึ้น ทั้งในสเปซนี้ และในชีวิตจริงของผม ในสเปซอาจจะน้อยหน่อย แต่ในชีวิตจริงนี่กำลังเยอะได้ที่ ผมกำลังสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆกับชีวิตผม
 
ผมนัดเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่สมัยมัธยมปลายทานข้าว ทั้งๆที่ผมแทบจะไม่มีเวลาได้พักหายใจจากการทำงาน ผลที่ได้มันกลับทำให้ผมรู้สึกดี รู้สึกว่าได้กลับไปสูดดมกลิ่นไอในวันก่อนๆมากขึ้น…
 
ผมลองอ่านหนังสือแนวใหม่ๆมากขึ้น อย่างตั้งใจ และเริ่มที่จะชื่นชอบมัน และก็แสวงหาที่จะเสพย์มันมากขึ้นๆ
 
ผมลองที่จะเดินก้าวใหม่ (อันนี้ยากที่สุดล่ะ) กับใครคนหนึ่งทั้งๆที่รู้ว่าผลที่ตามมามันอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฝันเอาไว้ เรามีอะไรที่ต่างกันมากเกินไป และเราก็มีอะไรที่เหมือนกันมากเกินไป… ผมมีทางเลืกที่จะให้เดินอยู่หลายทาง ผมกล้าพูดได้ว่าเกือบ 10 แต่ผมเลือกที่จะเดินเลี้ยวมาทางที่เป็นทางแยก 2 ทาง ผมยืนอยู่ที่ปากทางของทางทั้ง 2 สาย
 
…ทางสายหนึ่งเป็นทางที่ดูสดใส หนทางสองข้างเต็มไปด้วยดอกไม้ฤดูร้อนขึ้นอยู่ทั่ว กลิ่นหอมจางๆที่แฝงอยู่ในอากาศยามสูดดม ก็ทำให้ผมได้รู้รสชาติของการเดินอยู่ใต้แสงตะวัน แต่… ผมรู้ว่าดอกไม้นั้นก็มีฝูงผึ้งที่ดอมดมอยู่เช่นกัน ถ้าผมไม่ระวังตัวเดินเข้าไปใกล้ก็อาจจะถูกเหล็กไนตำเข้าก็เป็นได้ ที่สำคัญผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผมแพ้เหล็กไนผึ้งรึเปล่า ถ้าแพ้ โดนต่อยทีนึง ก็อาจหมายถึงชีวิตได้…
 
…ทางอีกสายหนึ่งกลับเป็นทางเดินที่ดูมีแดดส่องน้อยกว่านิดนึง แถมดอกไม้สองข้างทางก็คือทิวกุหลาบทอดยาว สวย หอม มีเส่ห์ แต่ลึกลับ เป็นเส้นทางที่ผมรู้ว่าผมจะได้พบอะไรใหม่ๆตลอดเส้นทางเดินอย่างแน่นอน มันดูลึกลับ และน่าท้าทาย แต่ ทุกความงามที่ส่งกลิ่นรัญจวนก็มีกิ่งหนาบเร้นกายอยู่ใต้ดอกสวย หนามดอกไม้ก็อาจทิ่มแทงผมได้เหมือนกันหากไม่ระวัง…
 
ผมกำลังทดลองทำอะไรใหม่ๆอยู่ ไม่ใช่เลือกเดินไปพร้อมๆกันบนทั้ง 2 เส้นทาง เพราะมันคงทำไม่ได้ แต่ผมเลือกที่จะหยุดมองดูทั้ง 2 ทางให้ชัดเจนมากขึ้น เลือกให้มั่นใจที่สุด …จะได้มีโอกาสพลาดน้อยที่สุด กระมัง…
 

เกิดอะไรขึ้น!!!

อาจจะดูว่าเราห่างหายกันไปสักพักนะครับ ไม่ได้ดองบล็อคแน่นอนเพราะเป็นคนไม่ทานเค็ม พยายามเข้ามาเขียนนู่นเขียนนี่อยู่หลายวัน แต่ประสบปัญหาว่า เข้ามาไม่ได้บ้าง เข้ามาได้เซฟไม่ได้บ้าง จนวันนี้เข้ามาได้อย่างทุลักทุเลเล็กน้อยแต่ปรากฎว่า… เกิดอะไรขึ้นกับบ้านที่รักของผม ทำไม ทำไม!!!
 
ทุกอย่างถูกเปลี่ยนไปหมด ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ยังไม่คุ้นเลยครับ จะทำอย่างไรกันดี วันนี้มีโอกาสได้พบปะชาวหมู่บ้านท่านอื่นๆ พบว่าโดนภัยพิบัติกันโดยถ้วนหน้า น้ำซัด พายุลูกเห็บตกกันหลังคาพัง …เราจะทำอย่างไรกันดี
 
วันนี้ ผมพยายามหาลายแบรค์กราวน์อบอุ่น (อย่างที่ผมคิดน่ะ) ที่ผมเคยใช้ …หาไม่เจอ ไม่ว่าจะหาแบบไหน เพื่อนๆท่านไหนที่จำได้ และ หาเจอ สงเคราะห์ผมด้วยนะครับ…
 
บางที การเปลี่ยนแปลงมันอาจจะนำสิ่งดีๆมาให้เรา แต่บางทีมันก็ไม่…
 
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่รักการเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบอะไรที่เปลี่ยนแปลงเร็วไป ผมชอบการพัฒนามากกว่า ผมรู้ว่า 2 อย่างนี้จริงๆมันก็คือสิ่งเดียวกันน่ะแหละ มันคือการก้าวจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง ก้าวจากที่หนึ่ง ไปยังที่อีกที่หนึ่ง มันต่างกันแค่เวลาในการก้าวเท่านั้นเอง เร็ว และ ช้า…
 
ผมอยากให้การก้าวเป็นการค่อยๆเยื้องเท้าออกไป อย่างน้อยตาจะได้มองว่าที่พื้นใหม่มีเศษแก้วตกอยู่หรือเปล่า ไม่อยากเจ็บเท้าน่ะ!!!