Archive for July, 2005
เริ่มเรื่อง….
ความฝันของชายคนหนึ่ง…
นานมาแล้ว……เขาเคยร่วมแบ่งปันความฝันใครคนนึง….
ปัจจุบัน…..
….การหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุของคู่หมั้นของเขา…ริทซึโกะ สร้างความสงสัยให้กับ ซาคุทาโร่ ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปยังเมืองชิโกกุเพื่อตามหาเธอ
แต่สถานที่ที่เขาตามหาเธอนั้น….
……..คือ ที่นั่น…….
รักแรก
……จุดเริ่มต้นรักครั้งแรกของเขากับ…" อากิ "…..รักแรกที่เขาไม่เคยลืมเลือน…แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่ทุกครั้งที่หลับตาลง…เธอยังชัดเจนในความทรงจำของเขา…
ความทรงจำเกี่ยวกับอากิ
ในช่วงปี 1986 ….
อากิได้เข้ามาในชีวิตของเขา เธอเป็นคนเก่งเรียนดี เล่นกีฬาเก่ง พร้อมสมบูรณ์แบบ….กับผู้ชายธรรมดาๆคนนึงอย่างซาคุ
…ท่ามกลางผู้คนมากมาย….ซาคุคือคนที่เธอเลือก…
เขาทั้งสองตกหลุมรักกันและกัน
…ผ่านเรื่องราวต่างๆ…ความทรงจำมากมาย…..
อากิมีรายการวิทยุที่ชอบ เธอมักจะเขียนโปสการ์ดไปบ่อยๆ ถ้าได้ออกอากาศก็จะได้รับรางวัล
…ซาคุอยากให้ เครื่องเล่นวอล์คแมน เป็นของขวัญแก่อากิ จึงแต่งเรื่องโกหกส่งไปยังรายการ และได้ออกอากาศจริงๆ….จนทำให้เกิดเรื่องราวผิดใจกัน
เทป casset แห่งความทรงจำ
อากิอัดเสียงตัวเองใส่ลงไปในเทป…เธอใช้วิธีนี้เพื่อ "บอก" สิ่งที่เธอไม่อาจพูดกับซาคุตรงๆได้… จนกลายเป็นการเทปสื่อ(รัก)ระหว่างกัน….
เขาและเธอไปเที่ยวทะเลด้วยกัน…และไปเจอภาพของสถานที่นึงที่สวยงามมาก ที่นั้นคือ อูลูลู….ประทเศออสเตรเลีย สถานที่ทีเชื่อว่าเป็น " ใจกลางของโลก"
อากิและซาคุ …ได้สัญญาร่วมกันว่าจะไปที่นั่นด้วยกันในสักวันหนึ่ง….
จนเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
เมื่อพบว่าอากิเป็นโรคร้าย……
ซาคุ(ปัจจุบัน) ได้กลับมายังบ้านเกิด…และพบว่าความทรงจำของอากิ กับตัวเขาเองนั้น…ไม่เคยเลือนหายไปจากใจของเขา ไม่ว่าจะมองไปที่ใด…เขายังเห็นอากิอยู่ทุกหนแห่ง เสียงในเทปของอากิ ที่เขาได้เปิดฟังอีกครั้ง….น้ำตามากมายที่เอ่อล้นออกมา…เขาไม่สามารถลืมอากิได้….แต่เดิมที่ซาคุอาจไม่ได้นึกถึงอากิอีกแล้ว แต่ในทุกๆคืนเค้ายังฝันถึงเธอ ฝันที่ไม่อาจะเป็นจริงได้ ความเจ็บปวดที่ถูกปิดตาย ถูกเผยออกมาในที่สุด….
พยานรัก และร่องรอยของการมีชีวิตอยู่
อีกสถานที่นึง…ที่ซาคุกับอากิมักจะไปด้วยกันบ่อยๆ คือ ร้านถ่ายรูป
…คุณตาที่ร้านถ่ายรูป….ที่พวกเขามักจะมาหาเสมอๆ….คุณตาที่ยังคงจมอยู่กับความรัก…
…..ผู้ชายที่รักผู้หญิงคนนึงนานครึ่งศตวรรษ…อากิมองว่ามันเป้นเรื่องอัศจรรย์ ความรักมันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ครั้งสุดท้ายที่เขาและอากิไปที่นั่น ….อากิอยากถ่ายรูปเอาไว้….เธออยากอยู่ในความทรงจำของซาคุตลอดไป
และเป็นฉากที่น้ำตาไหลเพราะเศร้า(ไปกับรักที่ไม่อาจสมหวัง)และอิ่มเอม(ในความรักของซาคุที่มีต่ออากิ) ไปด้วยทั้งสองอย่างค่ะ สีหน้าของซาคุและอากิ บ่งบอกได้ดีว่าเขาและเธอรู้สึกเช่นไร
ในช่วงสุดท้ายของชีวิตอากิ เธอไม่สามารถส่งเทปให้ซาคุได้ด้วยตัวเอง จึงฝากเทปให้เด็กผู้หญิงเล็กๆคนนึงนำไปให้ซาคุแทน
สุดท้าย…อากิก็ได้จากไป………
เทปสุดท้ายของอากิ
….คำบอกรัก…คำสั่งเสียของเธอ… ที่เธอใส่ลงไปในเทป…
ในเวลานั้น…ไปไม่ถึงซาคุ เพราะเด็กผู้หญิงคนที่ช่วยส่งเทปคนนั้น เกิดอุบัติเหตุเข้า
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
….ความรักไม่เคยจางหายไป….
ริทซึโกะ….คือเด็กผู้หญิงส่งเทปคนนั้น
ในตอนต้นเรื่อง….เธอพบเสื้อของเธอตอนที่เธอยังเป็นเด็ก และตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นเธอเดินเหมือนคนขาเจ็บ แต่จริงแล้วเธอพิการจากอุบัตเหติคราวนั้น
วันนั้นเธอรีบไปส่งเทปให้อากิ เสียจนไม่ระวัง…ถูกรถชนจนเสียขาไปข้างหนึ่ง
และการที่เธอได้พบกับเทปของอากิอีกครั้ง เธอเสียใจที่ไม่อาจส่งเทปนั้นให้ซาคุได้
เทปสุดท้ายของอากิ ต้องใช้เวลา 17 ปี…กว่าจะถึงมือของซาคุ
ฉากสุดท้าย เราจะได้ฟังคำขอ…คำสั่งเสีย…และได้เห็นการปลดปล่อย
และการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริง
ช่วงท้าย….ภาพวิวที่อูลูลู…สดใสสวยงามมาก + เพลงประกอบที่ Ken Hirai ร้องโดนใจมากๆๆๆค่ะ :up:
"ถ้าคนเราตายไป….ความรักจะตายไปด้วยไหม?"
"เธอเกิดวันที่ 3 พฤศจิกาใช่มั้ย ….ส่วนฉันเกิดวันที่ 28 ตุลา….
แสดงว่า…..เธอไม่เคยมีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่อยูบนโลกนี้ โดยที่ไม่มีฉันอยู่ด้วย
แม้ฉันจะจากไปแล้ว แต่โลกของเธอยังต้องหมุนต่อไป"
"ยามที่ฉันหลับลง สิ่งที่ฉันเห็นมีเพียงแต่เธอเท่านั้น
สิ่งที่ฉันจดจำได้ คือ ปากใหญ่โตของเธอที่เต็มไปด้วยขนมปังไส้บะหมี่ผัด
อ่านหนังสือแล้วประทับใจ น้ำตาไหลซึมๆสองข้องตา ลองเอามาแบ่งปันๆ
All my Life
I would never find another lover sweeter than you ( sweeter than you)
And I would never find another lover more precious than you (more precious than you)
Girl, you are close to me you’re like my mother, close to me you’re like my father,
close to me you’re like my sister, close to me you’re like my brother
You’re the only one, you’re my everything
And for you this song I sing…
Chorus ;
All my life I pray for someone like you
And I thank God that I, that I finally found you
All my life I pray for someone like you
Bridge1 :
And I hope that you feel the same way too
Yes I pray that do you love me too (ooh)
(I say that you’re all that I’m being in love)
Sayin’ I promise to never fall in love with a stranger
You’re all I’m thinking of
I praise the Lord above for sending me your love
I cherish every hug. I really love you
[Chorus]
[Bridge 1]
Bridge 2 :
You’re all that I ever know when you smile on your face all I see is glow
You turn my life around you picked me up when I was down
[Bridge 2] x 2
[Bridge 1]
ได้เมล์มานานแล้ว …ชอบ แบ่งกันอ่านๆ
ระดับความเมา
สถาบันด๊อกเตอร์มาร์ตินได้แบ่งระดับความเมาเหล้าของมนุษย์ไว้
5ระดับด้วยกันคือ:
ระดับที่ 1: SMART(ฉลาด)
เมื่อคนดื่มเหล้าเข้าไปเมาจนถึงระดับนี้ซึ่งเป็นระดับแรก
จะรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล
และมักจะชอบเผื่อแผ่ความรู้ให้ทุกๆคนในบาร์
ความเป็นจริงทุกอย่างในจักรวาลจะถูกนำออกมาเปิดเผยหมด
ไม่ว่าใครจะพูดเรื่องอะไรคุณจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้นพอดิบพอดี
และคุณจะรู้สึกว่าทุกๆอย่างที่คนอื่นพูดมาจะเป็นเรื่องผิดไปหมด
ไม่ตรงกับข้อมูลที่คุณมี จึงจะมีการเริ่มตั้งข้อโต้แย้งต่างๆกัน
ระดับที่ 2: GOOD LOOKING(ดูดี)
คุณจะเริ่มค้นพบว่าคุณมีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีที่สุดในละแวกนั้น
และทุกๆคนเริ่มที่จะหันมาสนใจคุณเพราะคุณดูดี
แน่นอนคุณสามารถเดินไปคุยกับทุกๆคนได้ทุกๆเรื่องด้วยเพราะคุณทั้งดูดี
และฉลาด
ระดับที่ 3: RICH(รวย)
เมื่อเมาถึงระดับนี้คุณจะค้นพบว่าตัวเองนั้นมีเงินมหาศาล
คุณสามารถที่จะเลี้ยงเหล้าทุกคนในบาร์ได้ เพราะคุณมีเงินมหาศาล
และถ้าใครพูดอะไรผิดหูคุณสามารถที่จะท้าพนันได้ทุกเรื่องเพราะคุณยังฉลาดกว่าด้วย นอกจากนี้คุณยังดูดี
มากๆด้วย
ระดับที่ 4: BULLET PROOF(คงกระพัน)
เมื่อเมาถึงระดับนี้ตัวคุณจะมีวิชาคงกระพันแก่กล้ากว่าคนทั่วไป
และพร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกับทุกๆคนได้
เพราะไม่มีใครจะทำอันตรายคุณได้
คุณสามารถท้าพนันตีต่อยกับเพื่อนคุณก็ได้
และคุณก็ไม่กลัวแพ้ด้วยเพราะว่าคุณทั้งฉลาด, ทั้งดูดี, ทั้งรวย
และต่อสู้เก่งระดับนักมวยอาชีพา
ระดับที่ 5: INVISIBLE(หายตัว)
ระดับความเมาสุดยอด
คุณต้องดื่มมากจึงจะเมาถึงระดับนี้ได้
ด้วยความเมาที่ระดับนี้คุณสามารถทำอะไรก็ได้ เพราะไม่มีใครเห็นคุณ,
จะไปเต้นรำบนโต๊ะ, แหกปากร้องเพลงกลางถนน,
ไล่ตีหัวคนอื่นก็ทำได้เพราะไม่มีใครเห็นคุณ
น่าคิด…….
My favourite song of this tired week. I feel so confuse about my work, what I’m doing here? This song is get along with my mood right now. The Blower’s Daughter, Damien Rice.
And so it is
Just like you said it would be
Life goes easy on me
Most of the time
And so it is
The shorter story
No love, no glory
No hero in her skyI can’t take my eyes off of you
I can’t take my eyes off you
I can’t take my eyes off of you
I can’t take my eyes off you
I can’t take my eyes off you
I can’t take my eyes…And so it is
Just like you said it should be
We’ll both forget the breeze
Most of the time
And so it is
The colder water
The blower’s daughter
The pupil in denialI can’t take my eyes off of you
I can’t take my eyes off you
I can’t take my eyes off of you
I can’t take my eyes off you
I can’t take my eyes off you
I can’t take my eyes…Did I say that I loathe you?
Did I say that I want to
Leave it all behind?I can’t take my mind off of you
I can’t take my mind off you
I can’t take my mind off of you
I can’t take my mind off you
I can’t take my mind off you
I can’t take my mind…
My mind…my mind…
‘Til I find somebody new
10 Things I Hate About You
I hate the way you talk to me. And the way you cut your hair.
I hate the way you drive my car. I hate it when you stare.
I hate your big dumb combat boots. And the way you read my mind.
I hate you so much it makes me sick– it even makes me rhyme.
I hate the way you’re always right. I hate it when you lie.
I hate it when you make me laugh — even worse when you make me cry.
I hate it that you’re not around. And the fact that you didnt call.
But mostly I hate the way I don’t hate you — not even close, not even a little bit, not any at all.